โซยอน เหยี่ยวข่าวสาวที่ได้รับการติดต่อจาก ซางจุน ชายที่มีคดีติดตัวและกำลังถูกตามล่าจากทางการ เหตุผลที่ ซางจุน ต้องการพบ โซยอน ก็เพราะว่าต้องการให้เธอมาสัมภาษณ์และรายงานเรื่องราวของเขา ด้วยจิตวิญญาณของนักข่าว โซยอน คงไม่ยอมปล่อยข่าวเด็ดให้หลุดมือไปแน่ๆ จะด้วยความประมาทหรืออะไรก็แล้วแต่เธอก็ตัดสินใจชวน ทาชิโร่ ตากล้องติดตามมาด้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น
และเมื่อเดินทางไม่ถึงห้องที่นัดกันไว้ โซยอนและทาชิโร่ ก็ได้รับการต้องรับอย่างอบอุ่นจาก ซางจุน ด้วยการเอามีดจี้บังคับให้ทั้งคู่เข้าไปในห้องแล้วก็จัดการล็อคประตูซะ การสัมภาษณ์ที่คิดว่าจะเป็นเรื่องหมูๆไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว เพราะ ซางจุน เอาแต่พูดถึงเรื่องราวประหลาดๆและบอกว่าสิ่งต่างๆที่เขาทำลงไป ก็เพราะมีใครบางคนส่งข้อความลับผ่านหนังสือพิมพ์มายังเขา แล้วที่แย่ไปกว่านั้นหลังจากจบบทสนทนาลง ซางจุน เดินไปเปิดประตูอีกห้องหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีอีกสองคนถูกขังเอาไว้และ โซยอน ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อ ซางจุน ลงมือฆ่าทั้งสองคนต่อหน้ากล้องที่กำลังบันทึกภาพอยู่ !!! เอาล่ะซิทีนี้…กะว่าจะได้ข่าวเด็ดๆกลับไป ที่ไหนได้….ข่าวก็ไม่ได้ลมหายใจก็จะมีกลับไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่เห็นว่าตัวอย่างน่าสนใจนานแล้วล่ะ จนลืมไปนานมากเปิดผ่านมาเจออีกทีก็เลยตัดสินใจดู ผลที่ได้ออกมาก็กลางๆค่อนมาทางแย่นะ ถามว่ามีส่วนดีมั้ยมันก็มีนะถ้าดูที่ภาพรวมของหนังถือว่าไอเดียดีเลยล่ะ กับการที่เป็นเรื่องราวการฆาตกรรมที่เล่นกับปมแก้ไขอดีต และหนังเองมีความเป็นส่วนผสมของญี่ปุ่นและเกาหลี(ทั้งนายทุนและนักแสดงเลย) แต่ใช้ผู้กำกับชาวญี่ปุ่นอย่าง Kôji Shiraishi ที่เคยทำหนังสยองขวัญญี่ปุ่นที่คุ้นชื่ออยู่หลายเรื่องเลยอย่าง Grotesque (2009) , Sadako vs. Kayako , Noroi , Carved / The Slit- Mouthed Woman (2007) ซึ่งผลงานที่ว่ามานี่ก็ดูจะไปในแนวเดียวกันหมดคือเน้นความคัลท์แบบฉบับหนังญี่ปุ่นที่มันอาจจะไม่บันเทิงโดยมาตรฐานคนดูหนังทั่วไปนัก
ส่วนเนื้อหาในเรื่องนี้ครึ่งชั่วโมงแรกของหนังก็ผ่านไปแบบอยากให้ผ่านไวๆ เพราะว่ามีแต่บทสนทนากันทั้งเรื่อง…เอาจริงมันก็เป็นการปูเนื้อหาก่อนจะไปสู่จุดหักมุมในตอนจบนั่นแหละ ซึ่งมันไม่มีอะไรให้น่าติดตามหรือตื่นเต้นขนาดนั้น กว่าที่จะเร่งเครื่องขึ้นมานิดก็ตรงที่เปิดประตูไปยังอีกห้องหนึ่งที่ขังไว้อีกสองคนนั้นแหละ ถึงเราถึงเริ่มเห็นแสงสว่างของความตื่นเต้นขึ้นมาได้บ้าง
ที่อยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งเผื่อใครจะตัดสินใจดูคงจะได้พบกับความสงสัยและรำคาญเบาๆ กับการที่ตัวละครต่างๆยืนมองดูคนฆ่ากันโดยที่ไม่ทำอะไรทั้งที่บางครั้งเหมือนน่าจะพอสู้ได้บ้าง(ขนาดคนร้ายมีคนเดียวนะ) ยิ่งกับตากล้องอย่าง ทาชิโร่ นี่พวกทำหน้าที่ถ่ายอย่างเดียวใครจะฆ่ากันยังไงกูไม่สน 555
ส่วนจุดหักมุมของหนังนี่มีความคัลท์แบบมาเหนือจริงๆคิดไม่ถึงว่าจะมาไกลขนาดนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่ายังไงก็สู้ความสุดยอดหักมุมที่คัลท์สุดๆของ ผู้หญิง 5 บาป ไม่ได้แน่นอน 555
สรุปแล้ว A Record of Sweet Murder (2014) เป็นหนังลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลีที่มีความคัลท์แบบหนังญี่ปุ่นมานำเสนอ มีไอเดียที่ดี ส่วนความสยองขวัญอาจจะไม่ถึงใจคอหนังโหดหรอก ความตื่นเต้นก็น้อย ถามว่าส่วนดีหนังมีมั้ยก็บอกได้ว่ามี เพียงแต่ความบันเทิงก็มาน้อยไปนิด ถ้าให้บอกกันตรงๆก็….จะดูก็พอได้….ข้ามไปก็ไม่น่าเสียดายนะเรื่องนี้ 555