หนัง Spider-Man: Homecoming หรือชื่อไทยว่า สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง ภาพยนตร์เรื่อง Spider – Man: Homecoming เป็นหนังแยกเดี่ยวของสไปเดอร์แมนในจักรวาลมาร์เวล จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในโรงเรียนของเขา โดยเป็นเหตุการณ์ต่อจาก Captain America: Civil War หลังจากที่ “ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์” หรือสไปเดอร์แมนของเรา ถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสตีฟ โรเจอร์และโทนี่ สตาร์ค ซึ่งนำไปสู่การแตกแยกของทีมอเวนเจอร์ทั้งทีม
ปีเตอร์พยายามจะใช้ชีวิตแบบเด็ก ม.ปลายธรรมดาๆ ไปพร้อมกับการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในหน้ากาก แต่บอกได้เลยว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เหมือนอย่างประโยคฮิตที่ว่า “พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง”สไปเดอร์แมนภาคนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี คนรอบข้างมักจะสะกิดให้เด็กเดินตั๋วไปดู แต่ด้วยความที่เด็กเดินตั๋วไม่ค่อยอินกับหนังชุดจักรวาลอะเวนเจอร์สักเท่าไหร่ ด้วยความที่หลับใส่บ้าง จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ทั้งที่เพิ่งดูไปบ้าง (ต้องขอโทษแฟนๆทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย)
แต่ก็เอาหน่อยหน่า… ไปดูสักหน่อย ให้เห็นกับตาตัวเองจะได้รู้ว่าสนุกจริงไหมนะ เพราะเราเองก็มีความชอบหนังมาเวลหลายๆเรื่องอยู่ไหมกัน ทั้ง Ant Man , Doctor Strange , Dead Pool , X-MEN ทำให้เด็กเดินตั๋วมีความคาดหวังกับสไปเดอร์แมนว่ามีความสนุกเช่นกัน และด้วยความที่เคยประทับเวอร์ชั่นไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นที่ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และโทบี้ แมกไกวร์ แสดงมาก่อน จึงมีความจับจ้องการแสดงของเจ้าหนุ่ม ‘ทอม ฮอลแลนด์’ สไปดี้น้อยวัยมัธยมต้น
ประหนึ่งว่าปักหมุดน้องทอมไว้ตอนเข้าไปดูรสชาติของหนังเป็นหนังวัยรุ่น วัยค้นหาตัวตน เป็นหนัง coming of age มีกลิ่นอายหนังkick ass แต่ก็ไม่เชิง Scott Pilgrim ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมีส่วนผสมหลักคือหนังซุปเปอร์ฮีโร่แบบฉบับมาเวล หลักๆจะมีไดเร็กชั่นไปทางไอรอนแมน และก็ไม่เกรียนหยดติ๋งเหมือนDead Pool แต่มีความอ่อนวัยกว่า เป็นอีกหนึ่งรสชาติของหนังมาเวลเลยก็ว่าได้
สไปเดอร์แมนภาคนี้ทำให้เรานึกย้อนกลับไปตอนเรายังอายุ15-16 ตอนเราอยู่มัธยม3 หรือ มัธยม 4 เป็นวัยที่เราก็ยังไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ทั้งชีวิต การค้นหาตัวตน พ่อแม่ ผู้ปกครองของเรา ความฝัน ผองเพื่อน และการส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นหนังเรื่องนี้ได้ทำออกมาผ่านการแสดงและบทบาทของเจ้าไอ้แมงมุมวัยละอ่อนน้อย ที่สื่อออกมาได้อารมณ์มากๆ
ด้วยบุคลิกและคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนกับไอ้แมงมุมรุ่นพี่ ทำให้เราได้สัมผัสและเรียนรู้เจ้าแมงมุมตัวนี้อย่างเพลิดเพลิน ไม่มีความคิดแบบว่า ’อ่า…ฉันรู้จักไอ้แมงมุมตัวนี้ดีอยู่แล้วน่า รีบๆสู้กันเถอะ’ แต่เปล่าเลย แมงมุมทอม ฮอลแลนด์ไม่เหมือนตัวเก่าเลยแม้แต่น้อย มีหลายสิ่งให้พิจารณา เรียนรู้และเข้าถึง เชื่อมโยงกับมัน
มาพูดในแง่งานสร้าง(Production) กันบ้างดีกว่า เด็กเดินตั๋วมีมาตรฐานสูงสำหรับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ทุนสร้างเท่าโครงการอวกาศอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องว้าว ต้องใหญ่ ต้องใหม่ ภาพสวย ซีจีกระจุย เสียงเนี้ยบ ซึ่งจากสายตาเด็กเดินตั๋วนั้น ไอ้แมงมุมแทบจะห้อยต่องแต่งระดับมาตรฐานของเด็กเดินตั๋วเลย (เรื่องมากจังเนอะ)
ฉากแอคชั่นก็เดิมๆ มุมกล้องก็ไม่ว้าว ซีจีก็เดิมๆ เสียงก็ไม่ได้เป็นที่จดจำ แต่เพลงดีนะ วัยรุ่นๆชอบเลยล่ะ พล็อตการเดินเรื่องแทบจะรู้จากเทลเลอร์หมดเลย เดาเองต่อได้เลย (อันนี้เด็กเดินตั๋วไม่ได้สปอยล์นะ) กินป๊อปคอร์นหมดถังจนอิ่ม แอร์เย็นๆ เด็กเดินตั๋วหลับเฉย!!? หลับตอนสู้กันตอนสุดท้ายด้วยบอกเลย (- – “) สงสัยไอ้แมงมุมน้อยจะต้านทานแอร์เย็นๆของโรงหนังไม่อยู่ สุดท้ายเด็กเดินตั๋วหลับใส่หนังซุปเปอร์ฮีโร่มาเวลอีกแล้ว ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้จริงๆ
ในดีเทลอื่นๆที่เด็กเดินตั๋วชื่นชอบ จะมีคุณป้าเมย์ จะหุ่นดีเซ็กซี่ไปไหน เด็กเดินตั๋วนี่ไม่ได้มองนางเอกเลย มองแต่ป้าเนี่ยแหล่ะ สงสัยแนวป้าๆ เด็กเดินตั๋วจะชอบอยู่เหมือนกัน แต่ป้าวัยรุ่นจริงๆ ไม่เหมือนป้าแมงมุมคนก่อนๆเช่นกัน ป้านี่ก็เป็นตัวแทนผู้ปกครองยุคใหม่ได้ดีเลยแหล่ะ แถมในเรื่องนี้มีร้านอาหารไทยด้วย และเด็กเดินตั๋วซาบซึ้งมากที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพล รัชกาลที่๙ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เป็นการถวายอาลัยของฝั่งฮอลลีวู้ดหรือเปล่าเด็กเดินตั๋วก็ไม่แน่ใจ และอีกหนึ่งคนที่เด็กเดินตั๋วชอบมากๆคือลุงเบิร์ดแมน (จำชื่อไม่ได้จริงๆ) แต่เป็นลุงที่เป็นนักแสดงนำเรื่องเบิร์ดแมน คราวนี้ลุงก็กลับมาเป็นตัวร้ายใส่ปีกเหล็ก เป็นนกเหล็กศัตรูสุดโหดของน้องทอม ดูๆไปก็เหมือนผู้ใหญ่ต่อยเด็กเลย แต่ก็แสดงอารมณ์ได้มาตรฐานของเฮียนกเหล็กเลย คุ้มค่าการดูจริงๆ
สรุปเลยดีกว่า เด็กเดินตั๋วว่าดีนะ ไปดูในโรงเถอะ ถ้าดูนอกโรงไม่รู้ว่าเด็กเดินตั๋วจะสนุกเท่าในโรงไหม จะได้อรรถรสเท่ากันไหม (แต่น่าจะเอาไม่อยู่แน่ๆ) แต่ไปทำความรู้จักน้องแมงมุมวัยเกรียนคนนี้กันหน่อยนะ เค้าอาจจะมีบทบาทในจักรวาลมาเวลระยะยาว หรือแท็กมือเข้าแก๊งค์อเวนเจอร์ก็เป็นได้