Sherlock Holmes (2009) ในฐานะแฟนโฮล์มส์คนหนึ่ง ยอมรับค่ะว่าอยากเห็นโฮล์มส์ขึ้นจอใหญ่อยู่ เคยนึกเล่นๆ ว่าอยากให้ John Cusack เป็นโฮล์มส์ 555 (สมัยนั้นกำลังชอบพี่แกจาก Grosse Pointe Blank แล้วก็ High Fidelity) ขณะเดียวกันในใจก็มีคำถามเล็กๆ ว่า คนทำหนังจะสร้างมันยังไงให้ออกมาน่าสนใจสำหรับนักดูหนังยุคใหม่ที่ไม่ใคร่จะสนใจหนังย้อนยุคเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งหนังกับซีรี่ส์สืบสวนในยุคนี้ก็มีออกมาจนเกร่อ เอาแค่ CSI ก็มีให้ดูกันจนสาใจ ทั้ง Vegas, Miami แล้วก็ New York และอีกเป็นโหล
โจทย์ใหญ่คือ จะทำยังไงให้นักสืบยุควิคตอเรียนกลับมาครองใจคนยุคอินเตอร์เน็ตได้
แล้วทีมงานล่าสุดก็จัดแจงสร้างคำตอบด้วยสมการง่ายๆ ค่ะ เอาของเก่าที่ดีมาบวกกับของใหม่ที่ขายได้ รวมมิตรสร้างจุดขายเพื่อความบันเทิงแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะดาราดีๆ อารมณ์ขัน แอ็กชัน และบทที่ซ้อนปมหลายทบ แต่ก็ไม่ได้หนักจนสมองมึนหลังดูจบ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโฮล์มส์กับหมอวัตสันในเรื่องนี้ต่างกับต้นฉบับที่ท่านเซอร์ Arthur Conan Doyle ให้กำเนิดไว้หลายอย่าง แต่รู้ไหมค่ะ… แอดมินชอบแฮะ ด้วยเหตุผล 3 ประการ
อย่างแรก
หนังสนุก เนื้อหาไหลลื่น ตื่นเต้น น่าติดตาม การคลายปมจังหวะต่างๆ ก็โอเค
แม้จะไม่ถึงกับสุดยอดไร้ที่ติ แต่ในแง่หนังบันเทิงสักเรื่อง… ผ่านสบายๆ ค่ะ แนะนำให้ดูได้เลย
อย่างที่สอง
หัวใจและวิญญาณของโฮล์มส์สมัยนิยาย ยังไม่หายไปไหนค่ะ
… ลอร์ดแบล็ควู้ด (Mark Strong) ตัวร้ายของเรื่องพูดไว้ว่า “มองให้กว้างไว้ คุณโฮล์มส์” แม้เขาจะบอกโฮล์มส์ แต่แอดมินรู้สึกว่าเขาพูดถึงคนดูอย่างเราๆ ด้วย… เพราะถ้าเรามองจำกัดบนกรอบเดิมๆ โฮล์มส์ฉบับนี้คงไม่ต่างอะไรจากหนุ่มแปลกหน้าที่พยายามบอกว่าตัวเองคือนักสืบคาบไปป์แห่งสมัยวิคตอเรียน
… แต่ถ้ามองอีกมุม… เราจะเห็นเค้าวิญญาณดั้งเดิมของนิยายโฮล์มส์อยู่ในหนังเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะการเป็นคนคิดนอกกรอบ, มองจากหลักฐานเล็กๆ แล้วขยายผลไปสรุปในภาพใหญ่, การกระตุ้นให้คนช่างสังเกต, การปลุกให้คนกล้าที่จะพิสูจน์ในสิ่งสงสัย ไม่ใช่นั่งตีขลุมสรุปแบบคิดเอาเอง ไม่ว่าจะเรื่องคดีฆาตกรรม หรือเรื่องการเชื่ออย่างงมงายในเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ… ทำให้เราหลุดพ้นจากความกลัวได้
ไหนจะทักษะการปลอมตัวระดับเจ๋งๆ และที่ลืมไม่ได้คือความสามารถในการผูกมิตรกับคนจรจัด ซึ่งคาดว่าถ้ามีภาคต่อไป การผูกมิตรกับคนเหล่านี้น่าจะทำให้โฮล์มส์ทำงานได้ง่ายกว่าเดิม
โดยเฉพาะทฤษฎีแมลงวันนั่น… ใช่เลยค่ะ นั่นน่ะจุดที่แอดมินรักที่สุดของนิยายโฮล์มส์เลยล่ะ… (ของแบบนี้ไว้ว่ากันอีกทีตอนท้ายค่ะ เพราะติดสปอยล์)
อย่างที่สาม
สิ่งเล็กๆ ค่ะ… สิ่งเล็กๆ ในหนัง
แอดมินได้ยินมาว่าคนส่วนใหญ่บ่นว่าช่วงแรกของหนัง น่าเบื่อ อืด ยืด เรื่อยไปไหนก็ไม่รู้ กว่าจะเข้าเรื่องก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง… ถ้าเรามองภาพรวม มันดูเหมือนจะเรื่อยๆ จริงค่ะ …
ทว่าถ้ามองสิ่งเล็กๆ แต่ละอย่างที่ร้อยเรียงในแต่ละฉากให้ดี มันจะนำมาสู่ภาพรวมที่กว้างใหญ่ขึ้นได้…
ทำไมโฮล์มส์ถึงตอบสนองต่อผู้หญิงไม่ดีนัก…
ทฤษฎีแมลงวันของโฮล์มส์…
การทดลองแบบจับหมามานอนตาย…
คราบชอล์กที่ชุดของตัวละครลึกลับรายหนึ่ง…
ชายหน้าบากที่พุ่งไปขอเงินจากชายลึกลับคนนั้น…