แอนนา เทย์เลอร์ คุณครูสอนนักเรียนชั้นประถม แอนนาใช้ชีวิตเช่นอย่างทุกวันกับทุกคนที่รู้จักอย่างเคยที่เป็นแบบนั้นทุกวัน กับการเป็นครูสอนหนังสือยิ่งตรากตรำคล้ายอ่านตำราเล่มเดิมมาสอนนักเรียนที่ต้องซ้ำทุกปีกับเรื่องเดิมๆ
.
.
.
แอนนายังไม่แน่ใจกับความรักและเลือกปล่อยว่างกับคำว่าเฉยๆ กับแฟนตัวเองที่หมั้นอย่างไม่เป็นทางการที่ชื่อพอลยิ่งแสดงถึงความเบื่อหน่าย แต่อีกแง่หนึ่งคนที่ไม่เคยจะปริปากบอกรักตรงๆอย่างแอนนายังหวาดหวั่นที่แสดงออกมา
.
.
จนกระทั่งแอนนาพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาที่แห่งหนึ่งอย่างไม่รู้ว่ามาที่นี้ได้ยังไงแล้วไปพบใครบางคนที่ไม่รู้มาร้ายหรือดีก่อนจะบอกว่าเธอตายแล้ว แอนนาจะเชื่อถือคำพูดของชายคนนั้นได้แค่ไหนกับการอ้างว่าตัวเองมีพรสวรรค์คุยกับคนตาย
.
.
เมื่อตัวเองยังสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนตอนมีชีวิตบางทีแอนนาต้องหนีออกจากที่นี้หรือเข้าใจว่าตัวเองตายไปแล้วจริงๆตามคำเชื่อของนายสัปเหร่อที่ชื่อเอลเลียต
.
.
จริงๆแล้วแอนนาได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์หลังไปดินเนอร์กับแฟนหนุ่มอย่าง พอล หลังจากนั้นแอนนาก็รู้สึกตัวและฟื้นขึ้นมาในห้องดับจิต โดยที่เธอเองนั้นไม่แน่ใจว่าตัวเองตายหรือไม่ เพราะเธอนั้นทั้งสามารถขยับตัวและจับสิ่งของอะไรได้หลายอย่าง
.
.
แอนนาได้พบกับเอลเลียตผู้ที่มีอาชีพแต่งหน้าศพและจัดงานศพ และเขายังพูดคุยกับแอนนาตามปกติและบอกอีกว่าตนนั้นมีพรสวรรค์ที่สามารถคุยกับร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ได้
.
.
ตัวละครของ Eliot นั้นจะพูดกับศพของนางเอกอย่างเดียวทั้งที่ในห้องก็ยังมีศพอื่นๆด้วย แอนนาเองบางที่มีหลายอย่างที่ทำให้เธอเชื่อว่าตัวเองยังไม่ตาย ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งของอะไรหลายอย่าง หรือแม้แต่ตอนที่เธอนั้นส่องกระจกลมหายใจของเธอนั้นทำให้เกิดไอขึ้นที่กระจก
.
.
จุดสังเกตว่าแอนนานั้นมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ตรงที่เธอมักจะถูกฉีดยาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อเข้าที่คออยู่เป็นประจำและมันมีผลข้างเคียงที่ทำให้เธอฝัน แต่ขณะที่เธอหลับ มักจะมีคนมาหาตลอด และฉากท้ายๆของเรื่องคือตอนที่แอนนานั้นนอนลงไปในโรงศพเรียบร้อยเพื่อรอทำพิธี เธอนั้นก็ยังคงเชื่อว่าตัวเองยังไม่ตาย
.
.
ก่อนที่เธอจะถูกฉีดยาเข้าที่คออีกครั้งและถูกถ่ายภาพไว้โดยคนที่มีหน้าที่ดูแลศพหลังจากนั้นเธอก็ได้หลับอย่างไม่รู้สึกตัวในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความอาลัยให้กับแอนนา เทย์เลอร์ แต่หลังจากนั้นยาก็หมดฤทลงในขณะที่ร่างของเธอกำลังถูกฝังอยู่ใต้ดินของสุสาน แอนนาตายเพราะสัปเหร่อฆ่าโดยการฉีดยา สัปเหร่อเป็นโรคจิต ตอนจบเป็นรูปศพที่แปะบนฝาบ้าน ภาพที่ลืมตาเป็นคนที่สัปเหร่อฆ่าเหมือนแอนนา
.
.
น่ากลัวของเรื่องคือความน่ากลัวของตัวละครที่ผวากับการเห็นและรู้สึกได้ถึงชีวิตหลังความตาย และแอนนาคือเหยื่อรายนั้นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองได้ตายไปแล้วโดยที่ยังกลัวในสิ่งที่ตัวเองยังไม่ได้ทำให้สำเร็จ
.
.
การเลือก Christina Ricci มาแสดงเป็นตัวละครทั้งเป็นทั้งตายชวนให้รู้สึกถึงอารมณ์ที่เริ่มถดถอยชัดเจนจนความมีชีวิตชีวาค่อยๆเหือดแห้งที่สังเกตได้จากอาการของแอนนาที่ร่างกายเริ่มเพลียจนหน้าซีดขาว ซึ่งในจุดนี้ตั้งแต่ต้นจนจบการเก็บอาการร่วมกับการแสดงที่เผยอารมณ์มาเป็นขั้นๆแสดงได้ละเอียดอ่อน
.
.
ในเรื่องในห้องดับจิตช่วงแรกของแอนนาการตื่นขึ้นมาในสภาพชุดสีแดงสีฉุดฉาด อันเนื่องจากโทนของหนังเรื่องที่ตั้งใจทำสภาพให้ขุ่นเคือง บางทีมีสว่างมากเหมือนเรื่องในจิตใจที่ปล่อยว่างหรือจะความไม่เป็นจริงที่เกิดขึ้น
.
.
การที่ต้องเลือกสีแดงเป็นจุดเด่นของเสื้อผ้าแอนนาแล้วอาจเป็นเพราะต้องการให้ในเรื่องออกมาเด่นยิ่งขึ้น กลายเป็นที่น่าจับตามองทั้งที่สะดุดกับความเข้มของสี สีแดงหมายถึงเลือดเนื้อที่ยังใช้งานได้ นี้อาจเป็นความหมายอีกอย่างของเนื้อเรื่องที่แอนนาต้องสวมชุดแบบนั้นและคอยวันที่เธอจะละถอดออกจากเครื่องนุ่งห่มเพื่องานของเธอเองที่กำลังถึงในเร็วๆนี้
.
.
พอลเป็นตัวละครที่ตั้งเป้าหมายของอารมณ์หดหู่ของการพยายามรื้อฟื้นอยากไปหาสิ่งที่มีอยู่ก่อนนั้นคือแอนนา เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของคนรักอาการเสียใจที่ไม่ยอมรับความจริงย่อมต้องแสดงออกมา
.
.
พอลมีฐานะการทำงานที่ดีจนอยากชวนแอนนาไปอยู่ด้วยกันที่ดีกว่านี้เพื่อการงานที่สะดวกยิ่งขึ้นและชีวิตที่พัฒนามากขึ้นในฐานะคู่ชีวิต แต่การที่แอนนาเองเป็นคนใจร้อนพร้อมกับเข้าใจในบางเรื่องได้ยากจึงทำให้การชวนของพอลที่ยังไม่บอกเต็มประโยคต้องเปลี่ยนไป คิดว่าพอลจะทิ้งแอนนาไปกับชีวิตงานของตัวเองคนเดียว จึงเกิดการทะเลาะที่พอลไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น
.
.
พอได้สักระยะหนึ่งพอลไปตามคืนดีแต่แอนนากลับนั่งรถหนีไปจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ฉากสุดท้ายที่พอลเห็นตอนแอนนามีชีวิตเป็นๆคือตอนไปขอคืนดีที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว
.
.
.
สรุปว่าจริงๆแล้วพอลตายเพราะเมาแล้วขับสัปเหร่อไม่ได้ทำ เพราะเราว่าเขาตายตั้งแต่ขับรถสวีดสวาดแล้วมีแสงไฟสว่างพุ่งมา ตัดมาอีกทีพอลขับรถมีสติมาก คือตอนนั้นตายแล้วค่ะ แต่เป็นจิตสุดท้ายที่อยากไปช่วยนางเอก