หลายคนอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่เหมือนคนอื่นนะ ทำไมเราเรียนไม่เก่งเท่ากับคนอื่น ทำไมตัวเราเล็กกว่าคนอื่น ทำไมตัวเราช้ากว่าคนอื่น ทำไม ทำไม และทำไม คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่บั่นทอนกำลังใจเรา ตรงกันข้ามหากเรามานั่งคิดตรึกตรองว่า แท้ที่จริงแล้วการที่เราไม่เหมือนคนอื่นนั้นเป็นเพราะเราอาจจะมีอะไรที่พิเศษเหนือกว่าคนอื่น เราแค่เพียงต้องค้นหามันและทำสิ่งนั้นให้เป็นจุดเด่นของเรา
สุดท้ายจุดเด่นนี้เองจะเป็นคำตอบให้กับเรา ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น เพราะคนอื่นมองว่าเราไม่เหมือนเขา หรือว่าเรามีสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่น หนังเรื่องนี้ที่จะพาเราร่วมกันไปหาคำตอบ Wonder สร้างจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันที่ได้รับรางวัลมากมายของผู้แต่ง อาร์ เจ ปาลาซิโอ้ กำกับโดยผู้กำกับหนุ่มชาวอเมริกันนามว่า สตีเฟ่น ชโบสกี้ นำแสดงโดย เจค็อบ เทรมเบลย์ ,จูเลีย โรเบิร์ต ,โอเว่น วิลสัน และ อิซาเบลล่า วิโดวิช
หนังบอกเล่าเรื่องราวของอ๊อกกี้(เทรมเบลย์) หรือ ออกัส พูลแมน เด็กน้อยผู้โชคร้ายที่เกิดมามีหน้าตาผิดปกติอันเนื่องมาจากความผิดปกติของยีน และต้องผ่านการผ่าตัดเพื่อให้มีชีวิตรอดมาถึง 27 ครั้ง หากแต่ในความโชคร้ายนั้นเขาก็ยังมีโชคดีอยู่ ซึ่งก็คือการที่อ๊อกกี้นั้นมีครอบครัวที่ดี มีพ่อ(วิลสัน) แม่(โรเบิร์ต) และพี่สาว(วิโดวิช) ที่คอยให้กำลังใจเขา ในวัยเด็กที่ผ่านมาอ๊อกกี้ต้องเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านโดยมี
อิซาเบล แม่ของเขาคอยสอนวิชาการต่างๆ ให้เขาเพื่อเตรียมความพร้อม จนกระทั่งเมื่อเขาอายุถึง 10 ขวบ แม่จึงเห็นว่าถึงวัยอันสมควรแล้วที่อ๊อกกี้จะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนสามัญเพื่อเรียนให้จบเกรด 5 และนั่นเองที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ชีวิตครั้งใหม่ที่อ๊อกกี้จะต้องออกไปเผชิญกับโลกภายนอก เพื่อที่จะเรียนรู้ในเรื่องวิชาการที่นอกเหนือไปจากความรู้ที่แม่ของเขาสอน และออกไปรู้จักกับการใช้ชีวิตกับบุคคลอื่นๆ นอกจากคนในครอบครัวของตน
ต้องบอกก่อนครับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังดราม่าหนักๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนที่มีชีวิตที่น่าสงสารจนทำให้เราบ่อน้ำตาแตก หากแต่ผู้สร้างทำมันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นหนังที่ทำให้เรามีความรู้สึกอิ่มเอมไปกับมัน หนังเรื่องนี้สามารถสร้างความสุขให้กับเรา สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรา รวมไปถึงอาจจะมีการเรียกน้ำตาของเราให้กับความซึ้งร่วมไปกับอารมณ์ของตัวละครในหนัง
ซึ่งนอกจากจะชมผู้กำกับแล้วต้องชื่นชมให้กับผู้ประพันธ์นิยายที่เธอเลือกจะเล่าเรื่องของเด็กน้อยที่น่าสงสารในรูปแบบของความสดใสแทน ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เธอและลูกน้อยได้เจอเด็กที่มีหน้าตาผิดปกติ และลูกของเธอก็จ้องตาไม่กระพริบ เธอจึงรีบพาลูกของเธอไปจากที่นั้นเพราะกลัวเด็กคนนั้นจะรู้สึกไม่ดี และพบว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดที่ทำให้ลูกของเธอไม่ได้รู้สึกต่อเด็กคนนั้นดีขึ้น เธอจึงไปศึกษาทำความเข้าใจกับความผิดปกติของเด็กคนนั้นและออกมาเป็นนิยาย แม้ว่าตัวเอกที่เป็นแกนหลักของเรื่องนี้จะเป็นอ๊อกกี้ราวกับว่าอ๊อกกี้เป็นจุดศูนย์กลางและทุกคนในเรื่องก็หมุนรอบจุดศูนย์กลางนั้น
แต่ทว่าหนังเองก็ยังมีการเล่าถึงเรื่องราวและมุมมองของตัวละครอื่นๆ ที่มีต่ออ๊อกกี้หรือเหตุการณ์ในหนัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนซี้ของอ๊อกกี้ พี่สาวของอ๊อกกี้ หรือแม้กระทั่งเพื่อนพี่สาวของอ๊อกกี้ ซึ่งจุดนี้เองจะเป็นการทำให้เราได้มีความกระจ่างในพฤติกรรมของตัวละครว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความคิดภายในจิตใจอย่างไร และเพราะเหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา คนที่แสดงออกมาว่าเข้มแข็งหรือเย็นชา แท้ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็มีความอ่อนแอข้างในและต้องการความห่วงใยเช่นกัน ซึ่งการที่เล่าเรื่องราวตัดไปมานั้นไม่ได้ทำให้เรางุนงงและเสียอรรถรสแต่อย่างใด ตรงกันข้ามการที่ผู้สร้างทำแบบนั้นกลายเป็นการที่ทำให้หนังนั้นเติมเต็มและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น