Unhinged เป็นหนังที่พยายามสื่ออกมาให้ทุกคนได้เห็นว่าเรื่องราวเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน จุดเริ่มต้นมาจาก ราเชล ที่กำลังจะไปทำงานสายและพาลูกไปส่งโรงเรียนช้า ทำให้เธอต้องรีบเร่งในชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้า แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังรีบๆ รถปิกอัพคันใหญ่ที่จอดอยู่คันข้างเธอไม่ยอมออกตัวเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว ทำให้เธอบีบแตรไล่ที่บวกไปกับอารมณ์ชั่ววูบของคนที่เร่งรีบ การตัดสินใจนี้กลายเป็นบ่อกำเนิดเหตุของทุกอย่าง
ชายลึกลับที่ขับรถปิกอัพได้ขับตามเธอมา เพื่อขอโทษที่เขาไม่ออกรถตรงทางแยก และเขาก็ต้องการคำขอโทษจากเธอที่บีบแตรใส่ แต่เธอเห็นว่าไม่เห็นจำเป็นอะไรที่ต้องขอโทษ ทำให้ไปสะกิดต่อมความเดือดกาลของชายผู้ที่มีความหลังติดอยู่ในใจเป็นไฟสุมทรวง เกมแมวไล่จับหนูกลางท้องถนนจึงได้เริ่มต้นขึ้น ถนนทุกเส้นของเมืองกลายเป็นเส้นทางอันตราย ไม่ล่วงรู้ได้เลยว่าใครกำลังขับรถตามมาอยู่
ตลอดระยะเวลาไม่ถึง 90 นาทีพอดีของหนังเรื่องนี้ เปิดเรื่องขึ้นมาอย่างไม่รีรอ ไม่มีการเสียเวลาต้องมาปูทางภูมิหลังตัวละครใดๆ ทั้งสิ้น เริ่มต้นเล่าถึงเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้นบนท้องถนนด้วยจังหวะที่กำลังเหมาะพอดี พอเหลือบเห็นชื่อนักเขียนบทหนังเรื่องนี้ก็คือ “คาร์ล เอลส์เวิร์ธ” ก็ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะเขาคือเจ้าพ่อหนังระทึกขวัญที่เคยทำให้หนังอย่าง “Red Eye” และ “Disturbia” ฮิตแบบเกินความคาดหมายมาแล้ว
แม้จะแอบติดขัดเล็กๆ ที่หนังไม่เล่ารายละเอียดของตัวละครให้คนดูรู้เรื่องเลย มาแบบไม่มีที่มาที่ไปเฉยๆ แต่พอมาคิดดูอีกมุมหนึ่งก็คิดว่าแบบนี้ก็ออกมาโอเคแล้วเช่นกัน ไม่ค่อยมีความจำเป็นต้องไปลงรายละเอียดให้ยืดยาว เจาะเข้าตรงประเด็นที่อยากจะส่งสารไปถึงคนดูแบบโจ่งแจ้งกันไปเลย และหนังก็ตอบโจทย์ออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะอรรถรสความระทึกใจและความบันเทิงที่ต้องยอมเลย
แต่ถึงกระนั้น Unhinged ก็เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่ไม่ได้ให้ความแปลกใหม่แต่อย่างใด เมื่อถึงปลายทางหนังก็เป็นเพียงแค่หนังระทึกขวัญทั่วๆ ไป ที่มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ กับผลลัพธ์ตามแบบฉบับที่ควรจะเป็น แต่ในสิ่งที่อยู่ท่ามกลางสูตรสำเร็จเหล่านี้ก็คือ การเตือนสติคนดูหนังไปในตัวด้วย เห็นได้ชัดว่าหนังพยายามสื่อให้เห็นว่าภัยสังคมเกิดขึ้นได้รอบๆ ตัวทุกคน ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเวลาใด ควรระมัดระวัดตัวเองอยู่เสมอๆ ไม่ใช่ชีวิตด้วยความประมาท และควรมีสติทุกครั้งในการอยู่ร่วมกับสังคมหมู่มาก
ประเด็นที่หนังหยิบยกออกมาให้เห็นนั้น ล้วนแต่เป็นภาพความขัดแย้งและความรุนแรงที่มักจะปรากฏอยู่ตามหน้าข่าว หรือคลิปไวรัลในโซเชียลมีเดีย ที่ก่อให้เห็นความสูญเสียและการบาดเจ็บอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นมารยาทในขับขี่บนท้องถนน หรือเทคโนโลยีเครื่องมือสื่อสารที่อาจจะย้อนกลับมาเป็นภัยถึงตัวเองได้ทุกเมื่อ เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่หนังต้องการสื่อมาเตือนใจคนดูอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่การแสดงของนักแสดงหลักๆ “รัสเซลล์ โครว์” ดาราเจ้าของรางวัลออสการ์การันตีขนาดนี้ คงไม่ต้องพูดอะไรถึงเขาก็ได้ เพราะนี่คือคนเป็นที่มืออาชีพ อันที่จริงก็แอบคิดในใจอยู่ว่า…ทำไมเขาถึงมารับเล่นหนังทำนองนี้กันนะ แม้จะถูกเป็นบทที่ต้องใชพละกำลังและอารมณ์เยอะ แต่นักแสดงยอดฝีมือของเขาแค่ทำมันออกมาด้วยอินเนอร์ระดับพื้นฐานของเขาก็ดูยิ่งใหญ่แล้ว และที่น่าทึ่งไม่เบาก็คงเป็นพุงโลๆ ที่เขาต้องเพิ่มน้ำหนักตัวเองมารับบทนี้่โดยเฉพาะ
ทางด้านนักแสดงสาว “คาเรน พิสโตริอุส” ให้การแสดงออกมาไม่ได้น่าตื่นตาอะไรเท่าไหร่นัก เพราะบทหนังเป็นสิ่งที่พาตัวละครไปอยู่แล้ว เธอก็ทำหน้าที่ในบทบาทของตัวเองได้อย่างน่าพอใจ แต่พอมาสำรวจดูคาแรกเตอร์หลักทั้ง 2 ตัวนี้ ก็พบว่าช่างเป็นตัวละครที่ไม่น่าเอาใจช่วยเลยสักฝ่าย อีกคนก็มีความแอบจิต-คิดร้ายปั่นป่วนไปกันใหญ่ ส่วนอีกคนก็ขาดสติ-คิดไม่รอบคอบ กลายมาเป็นหายนะที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว
แต่อย่างไรก็ตาม ก็นับว่า Unhinged เป็นหนังที่มอบความบันเทิงชั้นดีให้กับคนดูหนังเป็นแน่แท้ ประสบการณ์ความระทึกใจตอนดูหนังแบบนี้ได้ห่างหายไปสักพัก พอได้กลับมาดูอะไรแบบนี้อีกครั้ง ทั้งที่โดยรวมก็พอจะเดาทางและทิศทางต่างๆ ของเรื่องได้อยู่ แต่จังหวะของหนังก็ทำออกมาได้ดี ผนวกกับความพยายามดึงประเด็นเตือนภัยสังคมเข้ามาสอดแทรกเตือนสติคนดูเข้าไปด้วย จึงทำให้หนังสูตรสำเร็จเรื่องนี้ออกมาได้สนุกสะใจในโดยรวม แม้ว่าหากมองมุมกว้างๆ ก็คงเป็นหนังที่เหล่านักวิจารณ์จะออกอาการแขยงกันเยอะหน่อยเท่านั้นเอง