What's happening?

Video Sources 477 Views Report Error

  • To Live And Die In LA (1985) ปราบตาย

Synopsis

หากกล่าวถึงผู้กำกับที่เก่งกาจในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์แนวดราม่าอาชญากรรม-ตำรวจจับผู้ร้าย หนึ่งในจำนวนนั้นก็ควรมีชื่อของ วิลเลียม ฟรีดกิ้น อยู่ด้วย แม้ว่าภาพยนตร์ที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดของผู้กำกับท่านนี้จะเป็นหนังสยองขวัญระดับตำนานอย่าง The Exorcist (พ.ศ. ๒๕๑๖) แต่ผลงานที่ทำให้เขากลายเป็นยอดผู้กำกับหนังอาชญากรรม คือ The French Connection ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งคว้ารางวัลออสการ์ได้ถึง ๕ สาขา โดยกวาด ๓ รางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่ส่งให้ ยีน แฮคแมน ขึ้นแท่นเป็นดาราคุณภาพแถวหน้าของฮอลลีวูดมาจนถึงยุคปัจจุบัน และหลังจากนั้น ๑๔ ปี ฟรีดกิ้น ก็หวนคืนสู่การทำหนังแนวแอ็คชั่นอาชญากรรมอีกครั้ง คราวนี้คือผลงานที่มีชื่อว่า To Live and Die in L.A.

 

To Live and Die in L.A. มีความใกล้เคียงและคล้ายคลึงกับ The French Connection ในหลายส่วนจนเรียกได้ว่าคงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า “ปราบตาย” เป็นน้องแท้ๆของ “มือปราบเพชรตัดเพชร” เพราะต่างก็เป็นเรื่องของตำรวจคู่หูที่ออกล่าอาชญากรตัวฉกาจ และตัวละครเอกของเรื่องก็ต่างมีลักษณะ Anti-hero เหมือนกัน คือไม่ใช่พระเอกในอุดมคติ แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่มีดีชั่วพอกัน (โดยเฉพาะ L.A. ที่ผู้เขียนเห็นด้านชั่วในตัวเอกมากกว่าด้านดีด้วยซ้ำ) ใช้อารมณ์เหนือเหตุผลให้เห็นบ่อยครั้ง และที่ขาดไม่ได้คือฉากขับรถไล่ล่าอันสุดระทึกใจ ซึ่งเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่ฟรีดกิ้นนำมาตอกย้ำความมันส์อีกครั้ง หลังจากที่เคยทำเอาผู้ชมลุ้นจนลืมหายใจมาแล้วในทศวรรษก่อนหน้า

 

“ปราบตาย” เป็นเรื่องราวของ ริชาร์ด แชนซ์ (วิลเลี่ยม แอล พีเดอร์เซ่น) ตำรวจสืบราชการลับจอมบ้าระห่ำ ที่ออกไล่ล่า ริค มาสเตอร์ส (วิลเลม ดาโฟ) นักพิมพ์แบงค์ปลอมผู้มีส่วนในการสังหารโหดอดีตคู่หูของเขา โดยมี จอห์น วูโควิช (จอห์น แพนโคว์) ตำรวจอ่อนประสบการณ์มาเป็นคู่หูคนใหม่ในภารกิจนี้ ยิ่งนานเข้า แชนซ์ ก็ยิ่งห่างไกลจากการจับฆาตกรรายนี้มาลงโทษให้ได้เสียทีเนื่องด้วยระบบการทำงานอันย่ำแย่ที่ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะลากตัวอาชญากรตัวเอ้มาเข้าชังเต บวกกับความแค้นที่สุมอยู่จนเต็มอก ทำให้”ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” รายนี้ พร้อมที่จะเล่นนอกกฎเกณฑ์ทุกประการอย่างไม่สนใจความผิดชอบชั่วดี เพื่อลากคอวายร้ายจอมอำมหิตรายนี้มาลงโทษให้ได้ ต่อให้ต้องรับบทผู้ร้ายเสียเองก็ตาม

 

ฉากขับรถไล่ล่าอันเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่ ฟรีดกิ้น นำกลับมาใช้อีกครั้งตามที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในฉากขับรถไล่ล่าที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดบนแผ่นฟิล์ม เพราะนอกจากจะกินเวลานานร่วม 10 นาทีแล้ว ก็ยังเพิ่มอุปสรรคเป็นดงกระสุนของเหล่า Antagonists จำนวนมากที่ดาหน้ากันเข้ามาไล่ถล่มพาหนะของสองตัวเอกอย่างน่าตกตะลึง นอกจากนั้นแล้วยังนำเอาเทคนิคที่เคยประสบความสำเร็จในภาพยนตร์สยองขวัญ มาปรับใช้เพื่อสร้างความน่ากลัวให้กับตัวละคร ริค มาสเตอร์ ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับการแสดงของดารายอดฝีมืออย่าง วิลเลม ดาโฟ แล้ว ผลที่ได้คือความน่าสะพรึงที่ติดอยู่ในความทรงจำของผู้ชมแม้จะเสร็จสิ้นจากการรับชมไปแล้วก็ตาม

Director

Director

Cast

Similar titles

Sentinelle (2021) ปฏิบัติการเซนติเนล
The Bridge Curse (2020) คำสาปสะพานเฮี้ยน
Crawl (2019) คลานขย้ำ
Dark Shadow (2012) แวมไพร์มึนยุค
Justice League vs the Fatal Five (2019) จัสติซ ลีก ปะทะ 5 อสูรกายเฟทอล ไฟว์
Van Helsing (2004) นักล่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ
The Kingdom (2007) ยุทธการเดือด ล่าข้ามแผ่นดิน
The Divine Move (2014) เซียนหมาก โค่นโคตรเซียน
Veronica (2017) เวโรนิก้า
Knives Out (2019) ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่
Jason Bourne (2016) เจสัน บอร์น ยอดจารชนคนอันตราย
Attack on Titan Part 1 (2015) ผ่าพิภพไททัน