ก่อนไปดูเห็นคะแนนจากทั้งมะเขือเน่าและ imdb แล้วจะเป็นลม เลยไม่ได้ตั้งความหวังหรือคาดหวังอะไรจากหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่พอดูจริงๆ หนังไม่ได้ถึงกับแย่ขนาดนั้น มันก็ยังพอทนนั่งดูได้จนจบเรื่อง แต่ถ้าชวนไปดูอีกรอบจะไปไหม๊ คงต้องขอปฎิเสธ เพราะหนังแทบไม่มีอะไรให้จดจำเลย จริงๆเรื่องนี้ถูกเลื่อนฉายมาหลายครั้งมาก เห็นตอนแรกจะเข้าฉายตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็เลื่อนมาเรื่อยๆจนได้ฤกษ์เข้าโรงอาทิตย์ที่ผ่านมา เหตุผลส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจไปดูก็เพราะว่าอยากรู้ว่ากล้าดียังไงถึงเอามาลงพร้อมกับ Logan .
.
.. The Space Between Us หนังเล่าถึงเหตุการณ์ที่มนุษย์กำลังจะขยับขยายถิ่นที่อยู่ใหม่ไปยังดาวอังคาร โดยส่งกลุ่มทดลองไปลองอยู่ก่อน 6 คน แต่พอเดินทางไปได้สักพัก หนึ่งในลูกบินสาวก็มาเพิ่งรู้ตัวว่าก่อนย้ายสำมโนครัวมาอยู่ดาวอังคารกูไป ยสตน กับผู้มานี่หว่า ซึ่งนั่นหมายถึงเธอกำลังจะมีน้องนั่นเอง ทีนี้ก็งามไส้สิครับ เพราะตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในท้องแม่ มันคือระยะเวลาที่อยู่ในอวกาศล้วนๆ ซึ่งกำหนดคลอดจะมีตอนที่เธอไปถึงดาวอังคารพอดี โดยหนังบอกว่า เด็กที่เกิดบนดาวอังคาร มวลสารกระดูกร่างกายต่างๆ มันไม่สามารถอยู่บนโลกได้ อีพระเอกก็เลยต้องอยู่บนดาวอังคารจนอายุได้ 16 ปี แต่ด้วยความก้าวหน้าประกอบกับความเหงาและเสี้ยน พระเอกได้แอบคุยแชทกับสาวบนโลกนางหนึ่ง ซึ่งต่อมามีเหตุการณ์ให้พระเอกต้องกลับมายังโลก แน่นอนว่าจุดมุ่งหมายของพระเอกคือไปหานางเอกนั่นเอง …
.
.. ตอนได้เห็นตัวอย่างครั้งแรกคิดว่ามันต้องเป็นหนังที่โรแมนติกมากแน่ๆ พระเอกอยู่ดาวอังคาร นางเอกอยู่บนโลก เดินทางมาพบรักกัน แล้วก็ … อร๊ายย เขิลลล แต่พอได้ดูจริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นอ่ะกิฟ หนังไปไม่สุดซักทาง หนังพยายามใช้การเดินทางของคู่พระนางเพื่อไปตามหาพ่อของพระเอกมาเป็นส่วนที่ทำให้ทั้งคู่กระชับความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ทำไม่ถึงใจถึงอารมณ์เลย แอบเสียดายพลอตเรื่องและแนวคิด ถ้าได้คนทำหรือนักแสดงที่อินกว่านี้ น่าจะไปได้สวย
.
.. อีกสิ่งนึงที่ผมรู้สึกขัดใจมากกับหนังเรื่องนี้ก็คือ นิสัยขี้ขโมยของนางเอก ปกติเวลาดูหนังวัยรุ่น มันจะต้องมีฉากไปเอารถคนนู้นคนนี้มาขับ แล้วเราคนดูก็จะเอาใจช่วย บางฉากก็แอบกรี๊ดเบาๆว่า เท่จังวะขโมยรถ แต่เรื่องนี้ทำไมผมรู้สึกสงสารและเห็นใจเจ้าของรถที่โดนอีนางเอกขโมยมาก็ไม่รู้ คือในเรื่องผมบอกเลยอีนี่ขโมยรถทั้งหมด 3 คัน ตำรวจเมกาแม่งห่วยขนาดนั้นเลยหรอวะ เด็กกระโปกขโมยรถ 3 คัน ขับฉิวกลางเมืองเลย อีกอย่างนึง สถานที่ต่างๆที่ทั้งสองคนไป คือแม่งอยากไปไหนก็ไป นึกอยากจะไปที่นี่อยู่ดีๆแม่งไปโผล่เฉย เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ต้องการเหตุผลและความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น คือก่อนดูต้องทำใจใว้เลยว่า อย่าจับผิดหนัง คนที่มีนิสัยชอบจับผิด ขอเตือนว่ากรุณาหลีกเลี่ยงหนังเรื่องนี้โดยด่วน
.
.. ด่ามาเยอะ แต่ทำไมให้ตั้ง 6 คะแนน สงสัยหละสิ 5555 หนังมันก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้าง หลายๆฉากภาพสวยมากก และที่สำคัญพวกดนตรีและเพลงประกอบ เพราะทุกฉากเลย บางฉากถึงแม้จะไม่อินแต่เราก็รู้สึกได้ถึงความน่ารักของมันในแบบเด๋อๆด๋านี่แหละ เช่นฉาก พระเอกจีบนางเอก ฉากบอกรัก อะไรพวกนี้ มันก็ยังพอทำให้เรายิ้มได้บ้าง ช่วงแรกๆที่นั่งดูคิดในใจ 3 คะแนนก็หรูละ แต่พอดูจบกลับรู้สึกว่า เออแฮะ มันก็ยังพอทนนั่งดูจนจบโดยไม่ได้ยกนาฬิกาขึ้นมาดู ไม่ถึงกับดีมาก แต่รวมๆแล้วมันก็ยังมีเสน่ห์ในแบบฉบับของมัน ..
.
.. สรุป .. The Space Between Us เป็นอีกเรื่องที่เข้าฉายในสัปดาห์นี้ ที่ผมรู้สึกว่า ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เสียหายอะไร ส่วนตัวผมสายโรแมนติก รู้สึกเฉยๆกับเรื่องนี้ ใครเบี้ยน้อยหอยน้อยเก็บเงินใว้ดูเรื่องหน้าดีกว่า แต่ถ้ากระเหี้ยนกระหือรืออยากดูมานานแล้วก็ยังพอไหวกล้อมแกล้มไปได้ เพราะ หนังมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นครับ