ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องงานข่าวเรื่องนี้ กำกับโดยพ่อมดแห่งฮฮลลีวูด Steven Spielberg นำแสดงโดยนักแสดงนำที่ขึ้นชื่อด้านคุณภาพการแสดง หนังที่มีชื่อเข้าชิงออสการ์ 2 รางวัล
นี่คือภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลจากเหตุการณ์จริง เรื่องราวของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ที่ต้องเจอกับช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจ
กิจการหนังสือพิมพ์เป็นธุรกิจของครอบครัวที่ในที่สุดมันก็ตกเป็นของ เคย์ Kay Graham (Meryl Streep) หญิงสาวที่รักหนังสือพิมพ์ ทว่าไม่มีใครเชื่อถือในตัวเธอ สมัยนั้นคนยังไม่ยอมรับในความสามารถของเพศหญิง
ในช่วงที่เธอกำลังเตรียมจะนำกิจการเข้าตลาดหุ้น วอชิงตันโพสต์ก็ต้องมาเจอกับวิกฤติหนัก
เมื่อมีบางคนที่เอาเอกสารลับเพนตากอนออกมาเสนอให้สื่อหนังสือพิมพ์ผู้ชอบในการขายข่าวด้วยอุดมคติ ย่อมจะต้องการเปิดเผยแผนการปกปิด เรื่องราวที่หลอกลวงชาวอเมริกันมาตลอด ยาวนานครอบคลุมช่วงเวลาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึง 4 คน
เหตุมันเริ่มขึ้นมาจากนักข่าวอย่าง แดเนียล เอลสเบิร์ก (Matthew Rhys) ที่เคยไปแทรกซึมเป็นผู้สังเกตการณ์ในสงครามเวียดนามทั้งๆ ที่เป็นคนเกลียดสงคราม พอกลับมาแล้วได้เห็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐกระทำต่อประชาชน เขาจึงคิดจะเปิดโปงด้วยการขโมยเอกสารลับเหล่านั้นมาก็อปปี้แล้วส่งยังหนังสือพิมพ์
แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้
เรื่องที่ดูเป็นใจความหลักของหนังเหมือนจะมีอยู่หลายประเด็นด้วยกัน ซึ่งหนังของลุงพ่อมดก็มักจะเป็นเช่นนี้ หยิบเอาทุกประเด็นปัญหามาเล่าร้อยเรียงอยู่ในเรื่องเดียวกันได้
เพราะ ‘เอกสารลับเพนตากอน’ ไม่ได้เล่าแค่เรื่องการหลอกลวงประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสถานการณ์สงครามเวียดนามเท่านั้น แต่ยังเล่าไปถึงจรรยาบรรณ เสรีภาพ ของนักหนังสือพิมพ์ ว่าควรจะเสนอข่าวในแนวทางใด รับใช้ใคร รัฐบาลที่ซัดเปรี้ยงได้หากเสนอข่าวในแง่ลบต่อตน หรือประชาชนที่ควรจะได้รับข่าวสารข้อเท็จจริงมากกว่าถูกปิดหูปิดตาไม่ต้องรู้อะไร
เท่านั้นก็ยังไม่พอ หนังก็ยังพูดถึงความเท่าเทียมกันของหญิงและชายในสมัยนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องผิวสี แต่การมีผู้หญิงที่กุมบังเหียนบริหารกิจการหนังสือพิมพ์ มีผู้ชายมากมายกังขา ธุรกิจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาก็น่าจะทำเธอเครียดอยู่แล้ว ยังเจอสถานการณ์ที่ชายไม่เชื่อถือเธออีก
ในเรื่องนี้ เราได้เห็น Meryl Streep เล่นในบทที่มีแง่มุมด้านลึกเห็นได้ชัด และเธอก็แสดงได้ค่อนข้างลง ดูน่าเชื่อถือและน่าเอาใจช่วย ขณะที่ Tom Hanks ก็ยังคงเป็นทอม แฮงค์ส เล่นได้ทั้งมุมมุทะลุ จริงจัง และกวนประสาท
ยังไงก็ตาม ด้วยความที่หนังมีตัวละครเยอะมากๆ ทำให้การติดตามในช่วงครึ่งแรกของหนังเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะพอตัวละครพูดชื่อตัวอื่น แต่เราเชื่อมโยงไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร ก็จะมึนๆ อึนๆ ไปช่วงใหญ่ๆ แต่อย่างน้อย ก็พอจะเข้าใจโครงคร่าวๆ ของเรื่องราว
หนังค่อยๆ เพิ่มความพีคขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่บีบหัวใจให้ร่วมลุ้นกันถึงที่สุด เรียกได้ว่าฝีมือของผู้กำกับฯ คนนี้ยังคงดีไม่มีตก เป็นหนังที่เกี่ยวกับวงการข่าว วงการสื่อ ที่คนข่าว คนสื่อ สมควรเข้าไปดูมากที่สุด