ที่พาเขาเข้าไปเป็นเสมียน อย่างน้อยเขาก็ได้งานทำ มีเงินหาเลี้ยงชีพพอจะหาบ้านให้แม่อยู่และพอจะมีเงินแต่งเมีย แต่สิ่งที่สูงสุดที่เขาอยากจะทำนั่นคือ การได้รับการตีพิมพ์สิ่งที่เขาค้นพบให้คนทั่วไปได้รับรู้ เขาส่งสูตรทางคณิตศาสตร์ที่ยังไม่มีใครค้นพบไปตามมหาวัทยาลัยต่างๆ เพื่อหวังการตอบรับ เกือบจะสิ้นหวัง แต่แล้วนักคณิตศาสตร์คนดังอย่าง Godfrey Hardy (Jeremy Irons) ก็ตอบรับกลับมา
ในชีวิตหนึ่งๆ เราอาจพบว่าตัวเราเองไม่ได้เป็นคนที่มีความอัจฉริยะในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลย เราอาจพบว่าเราเพียงชื่นชอบหรือถนัดในด้านใดด้านหนึ่งเพียงเท่านั้น และจะมีคนบนโลกนี้เพียงไม่กี่คนที่ก้าวข้ามขั้นไปถึงระดับ “อัจฉริยะ” แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็อาจยังต้องฝ่าฟันต่ออุปสรรคบางอย่างเพื่อจะไปถึงจุดหมาย
หนังเรื่องนี้เดินเรื่องอย่างเรียบง่ายแต่เดินเรื่องไปอย่างค่อนข้างเร็วในช่วงต้น เล่าอย่างคร่าวๆ ไม่ได้ให้เวลาการปูเรื่องราวมากนัก เพื่อพาเราไปยังช่วงเวลาที่รามานุจันเดินทางไปอยู่บนแผ่นดินเกาะอังกฤษด้วยความที่ตัวละครหลายๆ ตัวเป็นคนอินเดีย อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บทพูดของพวกเขานั้นไม่ยืดยาว แต่ทว่าสละสลวยและคมคาย ไม่ยากเกินจะฟังให้เข้าใจ
หลังจากรามานุจันเดินทางมาพักอยู่ในเคมบริดจ์แล้ว เขาก็ได้พบกับศาสตราจารย์ฮาร์ดี้ผู้มีชื่อเสียง รวมทั้งลิตเติลวูดด้วย ซึ่งที่นั่นก็ทำให้เราได้เห็นถึงการต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อการเป็นอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จ
แต่จุดหมายของเขาคือได้ตีพิมพ์สิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมาระหว่างทาง เหมือนว่าเขาต้องฝ่าฟันอะไรมากมาย ทั้งภายนอก และภายในใจของเขาเอง และยังรวมไปถึงคนที่อยู่อีกฟากฝั่ง … ครอบครัวของเขาด้วย
การแสดงที่สมกับเคยคว้าออสการ์ของ Jeremy Irons
เขาคือนักแสดงระดับรางวัลออสการ์ Jeremy Irons แม้ผมจะยังไม่ทันได้ชื่นชมผลงานรางวัลอันนั้น แต่อย่างก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีโอกาสชมผลงานของเขาใน ‘The Man Who Knew Infinity’ เรื่องนี้
อัจฉริยะโลกไม่รัก The Man Who Knew Infinity
โปสเตอร์หนัง อัจฉริยะโลกไม่รักเขาแสดงเป็นศาสตราจารย์ฮาร์ดี้ อีกหนึ่งปรมาจารย์นักคณิตศาสตร์อีกคนของโลก ที่แม้จะว่าการอุทศตนเพื่อช่วยพิสูจน์ทฤษฎีต่างๆ ให้รามานุจันอาจจะทำให้ตนไม่มีเวลาจะสรรค์สร้างสิ่งที่เป็นเกียรติประวัติแก่ตนเองได้แต่การได้ร่วมงานกับอัจฉริยะอีกคนหนึ่งของโลก มันก็เป็นสิ่งที่คุ้มแล้ว
อีกบุคคลหนึ่งที่จะลืมเสียมิได้เลย คือ รามานุจัน มีทั้งมารดาที่หวังดีมากยิ่งกว่าใครในโลก กับอีกบุคคลคือ ภรรยาผู้ที่ซึ่งเชื่อมั่นในพลังความสามารถของสามีตน ทั้งสองคนต่างเป็นกำลังใจชั้นดีที่ทำให้รามานุจันมุ่งมั่นสู้ต่อแม้จะต้องห่างไกลกัน
สิ่งนี้ทำให้ผมอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ต้องปล่อยให้เอ่อออกมาด้วยความตื้นตัน
อัจฉริยะที่ถูกโลกลืมเป็นคนอินเดีย, ไม่จบการศึกษา, ผิวดำ เหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนอังกฤษในสมัยนั้นดูแคลนเมื่อเห็นว่า รามานุจัน มาเดินเพ่นพ่านอยู่ในประเทศของเขา ยิ่งเมื่อบ้านเมืองอยู่ในระหว่างภัยสงคราม ผู้อยู่ในแวดวงการศึกษาก็จะยิ่งลดน้อยด้อยค่าความสำคัญลงไป แถมบางส่วนยังถูกดึงตัวไปเพื่อสร้างความก้าวหน้าด้านสรรพาวุธอีกด้วย
นี่แค่ในอังกฤษเท่านั้นนะ
อัจฉริยะโลกไม่รัก The Man Who Knew Infinityภาพจากหนัง อัจฉริยะโลกไม่รัก
ถ้าลองกลับย้อนไปมองถึงคนในอินเดียด้วยกัน ก็อาจจะยิ่งมองว่า เขาทำตัวแปลกแยกจากสังคม เคยเรียนก็เรียนไม่จบ ต้องออกมาขีดๆ เขียนๆ อยู่ในวัด ไม่มีใครเข้าถึงในสิ่งที่รามานุจันเข้าถึง ไม่มีใครรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่จะเป็นประโยชน์อย่างไรได้ นั่นเพราะไม่มีใครอ่านสิ่งที่เขาคิดออกแล้วเข้าใจ
รามานุจัน บอกว่าเขาได้รับทฤษฎีและสูตรพวกนั้นมาจากพระเจ้า พระเจ้าคือต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง นี่ก็อาจเป็นหนึ่งคำอธิบายความหมายของคณิตศาสตร์ได้เช่นกันว่า มันคือวิชาที่เป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง อธิบายเหตุผลของทุกสรรพสิ่ง
แต่แม้ว่าเขาจะบอกได้ว่ารับสิ่งนั้นมาจากใคร มันก็อาจไม่สำคัญเท่ากับว่าสิ่งที่เขารู้นั้นมันเป็นความจริง เพราะไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกจะเชื่อคำพูดของอัจฉริยะได้หากว่ามันไม่ได้มีเหตุผลรองรับที่หนักแน่นพอ
แต่นั่นแหละ ทุกวันนี้จะมีกี่คนกันที่รู้จักชื่อ รามานุจัน ว่าเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์คนหนึ่งของโลก แม้สิ่งที่เขาค้นพบอาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับโลกในเวลาต่อมาอย่างมากมาย
แต่ก็อาจยังไม่พอ….ให้โลกได้รู้จักเขา