จอห์นนี่ สมิธ (Christopher Walken) ชายหนุ่มผู้กำลังมีความสุขอย่างสุดๆ เพราะเขากำลังสมหวังในความรักกับซาร่าห์ แบรคเนลล์ (Brooke Adams) แต่แล้วเขากลับประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องนอนโคม่าอยู่หลายปี และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาพบว่า เขามีพลังที่จะสามารถรู้ถึงอดีตและอนาคตได้
เมื่อเขาสัมผัสกับคนหรือสิ่งของต่างๆ และนั่นก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป และแน่นอน ชีวิตของเขาก็ตกอยู่ในอันตรายด้วย
นิยายของ Stephen King เรื่องนี้ถูกดัดแปลงโดย Jeffrey Boam และกำกับโดย David Cronenberg ผู้กำกับที่ผมขอตั้งฉายาว่า “ราชาหนังสยองชีวภาพ” เพราะพี่แกทำหนังเรื่องไหนนะครับ มันต้องมีฉากสยองแบบชีวภาพอ้ะ เช่น ฉากเนื้อคนสดๆ หรือเลือดสดๆ แหวะๆ ชนิดที่หากคุณดูตอนกินข้าวล่ะก็ คงต้องมีอ้วกแน่ๆ แต่กับเรื่องนี้ ฉากสยองแบบชีวภาพไม่ค่อยมีครับ
นั่น แปลว่านี่เป็นหนังไม่ดีใช่มั้ย คำตอบคือ ไม่ช่ายอย่างเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผู้กำกับ Cronenberg แกได้แสดงฝีมือให้เห็นว่า สยองโดยไม่ต้องแหวะ พี่แกก็ทำได้ และยังทำได้ดีอีกด้วยครับ ด้วยบรรยากาศเย็นยะเยือก หิมะขาวโพลน และลานโล่งๆ รวมไปถึงห้องรกๆ สามารถสร้างความน่ากลัวได้อย่างดี
การแสดงของ Christopher Walken ก็ยอดเยี่ยมครับ และนี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่พี่แกรับบทเป็นคนดีกับเขา และยังแสดงได้เหมือนคนดีจริงๆ อีก โอ้ ยอดมากจริงๆครับ คุณจะสลัดภาพของบทชั่วๆ ของพี่แกไปได้อย่างสนิทใจเลยล่ะ แล้วที่เป็นนี่ไม่ใช่แค่เป็นคนดีนะครับ แต่ยังเป็นคนดีที่น่าสงสารอีกด้วย ก็ขอบอกตรงๆ ผมไม่เคยนึกเลยว่าคนอย่างพี่แกจะสามารถทำให้คนอื่นสงสารได้ … แต่มันเป็นไปแล้วครับ โคตรเหลือเชื่อ
น่าดูครับ แต่โปรดเข้าใจนะฮะ นี่ไม่เชิงเป็นหนังสยองเลือดสาด มันเป็นหนังระทึกขวัญแบบดราม่า แบบกินบรรยากาศมากกว่า ประมาณสืบสวนปนชีวิตปนระทึกขวัญไรทำนองนั้นน่ะครับ อาจมีช่วงที่เนือยๆ ไปบ้าง แต่การแสดงของแต่ละคน รวมไปถึงบรรยากาศแปลกๆ ของหนังมันก็ดึงดูดเราได้พอสมควร บรรยากาศแปลกยังๆ ไงน่ะเหรอฮะ คือจริงๆ ในเมืองมันดูธรรมดานะ เพียงแต่บรรยากาศ สีสัน มุมกล้องและจำนวนคนที่ออกมาเดินไม่มาก ทำให้เมืองนั้นมันดูหดหู่ไปได้จริงๆ เลย อารมณ์มันหมองๆ ยังไงก็ไม่ทราบน่ะฮะ (นี่ผมหมายความว่ามันถึงอารมณ์ดีนะครับ)