เรื่องราวของ “ไบรอัน มิลล์” อดีต CIA ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ หลังจากต้องสูญเสียครอบครัวไปหลังจากการแต่งงานใหม่ของภรรยา “ลีนอร์” กับ “สจ๊วต” นักธุรกิจค้าน้ำมัน พร้อมกับลูกสาว “คิม” วัย 17 ปี ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานเดิม และผันตัวมายยึดอาชีพอิสระกับงานอารักขารักษาความปลอดภัยกับเพื่อนเก่า เพื่อพยายามหาเวลากลับมาใกล้ชิดลูกสาวอีกครั้ง
แต่หลังจากลูกสาวของเขา ถูกลักพาตัวไประหว่างการเดินทางทัวร์คอนเสริ์ตที่ยุโรป ซึ่งเป็นเหตุให้ มิลล์ ต้องนำงัดทักษะการต่อสู้และการแกะรอยของเขาจากอาชีพเดิมกลับมาอีกครั้ง เพื่อตามหาคนที่เขารักมากที่สุด ภายในระยะเวลา 96 ชั่วโมง นี่จึงเป็นอีกจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเขาและครอบครัวที่ถูกพัฒนาขึ้น บนช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้
จนเมื่อแก๊งค์สัญชาติอัลบาเนียกลับมาตามล่าล้างแค้นมิลล์และครอบครัวของเขาระหว่างการท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศตุรกี และนำไปสู่ปมชนวนความแค้นครั้งใหม่ที่กำลังจะพรากสิ่งสำคัญในชีวิตของมิลล์ไปตลอดกาล…
สำหรับใน Taken 3 นั้น เริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง “ลีนอร์” และ “สจ๊วต” สามีใหม่เริ่มสั่นคลอนลง เปิดโอกาสให้มิลล์กลับมาเพาะบ่มความรักของเขาและอดีตภรรยาอีกครั้ง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น เมื่อ “ลีนอร์” ถูกฆาตรกรรมภายในห้องพัก และมิลล์ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกรมือสังหารภรรยาตัวเอง เขาจำเป็นต้องหลบหนีการตามล่าทั้งจาก ซีไอเอ เอฟบีไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสุดกำลังชีวิต
ภารกิจการตามล่าหาตัวฆาตรกรตัวจริงของมิลล์ดำเนินขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อล้างแค้นหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อปกป้อง “คิม” ลูกสาวคนเดียวและเป็นสิ่งสำคัญเดียวที่เขาเหลืออยู่…
การโคจรมาพบกันอีกครั้งระหว่าง “เลียม นิสสัน” และ “แม็กกี้ เกรซ” จากผลงานการกำกับของผู้กำกับ โอลิเวียร์ เมกาตัน ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของ อดีตสายลับ ไบรอัน มิลส์ รับบทโดย เลียม นีสัน ที่กลับไปขอคืนดีกับภรรยาเก่าแต่กลับต้องพบเรื่องเศร้าเมื่อหลังจากนั้นไม่นานเธอได้ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เขายังถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อเหตุอาชญากรรม นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาในการสะกดรอยฆาตกรตัวจริง รักษาความยุติธรรม และปกป้องสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดต่อเขาที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ “ลูกสาว”
แม้พล็อตเรื่องหลักจะมีความคล้ายคลึงกับ 2 ภาคก่อนหน้า แต่ทว่าในภาคนี้หนังยังได้บอกเล่าเนื้อหาในด้านการสืบสวนได้อย่างมีชั้นเชิง นอกจากการไล่ล่าและฉากแอคชั่นจากบทบาทการแสดงนำของ Liam Neeson ที่ยังรักษามาตรเดิมไว้แล้ว ภายในภาคนี้หนังยังได้ใส่การสืบสวนของนายตำรวจหัวกะทิ ที่นำแสดงโดย Forest Whitaker ได้อย่างน่าสนใจและกลมกล่อมไปกับการไล่ล่าของตัวละครหลัก โดยหนังได้บอกเล่ารายละเอียดในส่วนนี้ได้อย่างน่าทึ่ง และลงลึกในลักษณะการสืบสวนแบบสายลับมืออาชีพ เช่น การเก็บหลักฐานระยะสั้น การทิ้งร่อยรอยเพื่อการติดตาม เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครและครอบครัวภายในเรื่องลึกซึ้งกินใจ Liam Neeson แม้จะอายุมากขึ้น แต่ก็ยังถ่ายทอดคาแรคเตอร์เดิมได้อย่างอยู่หมัด หลักแหลม ดุดัน ยากที่อาชญากรจะกล้าหือ หรือจะสลัดภาพสายลับมือเก๋าไปจากใจผู้ชมได้จริงๆ