วันนี้ผมจะไม่มานั่งเขียนรีวิวร่ายยาวเป็นหลักการอะไรมากมายนะครับ แต่จะขอพูดถึงจุดเด่นของหนัง แยกเป็นข้อๆตามชื่อกระทู้เลยแล้วกัน
รั่ว
แม้ว่าหนังเฉินหลงยุคหลังๆจะให้ความสำคัญกับตัวบทรวมทั้งประเด็นต่างๆมากขึ้น แต่ไม่ใช่กับหนังเรื่องนี้
เหมือนว่า Skiptrace จะพยายามดึงความเป็นเฉินหลงคนเดิมกลับมา อย่างน้อยๆก็เป็นเฉินหลงเมื่อต้นทศวรรษ 2000 ที่มีคาแร็คเตอร์แบบตำรวจที่แฝงอารมณ์ขันและความน่ารัก ต่างจากเฉินหลงในทศวรรษ 2010 ที่เน้นดราม่าหนักๆ (ซึ่งเฉินหลงก็เป็นแอ็คชั่นสตาร์ไม่กี่คนที่สามารถเล่นดราม่าตีบทแตกรีดน้ำตาผู้ชมได้) แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ถ้าหนังไม่ได้ให้ความสำคัญกับบท แต่โฟกัสที่การปล่อยมุขฮาเฉพาะหน้า มันก็ทำให้หนังเรื่องนี้มีบทรั่ว แต่ก็รั่วแบบมีเสน่ห์ในตัวมันเอง แม้ว่าช่วงท้ายเรื่องจะรั่วจนดูไม่เมคเซ้นส์ในหลายๆการกระทำของตัวละคร แต่ก็นะ Skiptrace เป็นหนังแอคชั่นคอเมดี้นี่นา ไม่ใช่หนังล่ากล่องรางวัลสักหน่อย (แต่ผมว่าเป็นคอเมดี้แอดเวนเจอร์มากกว่า) แต่อย่าให้หนังเรื่องนี้ตกไปอยู่ในมือนักวิจารณ์เชียวล่ะ โดนสับเละแน่เลยเทอว์
มันส์
ความ “มันส์” ของหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฉากแอ็คชั่น แบบที่เฉินหลงเคยทำสมัยวัยละอ่อน แต่ความมันส์มันอยู่ที่คาแร็คเตอร์ของตัวละครหลักทั้งสอง ที่ช่วยเกื้อหนุนส่งเสริมกัน ประกอบกับไดอะล็อกที่มีการจิกกัดเสียดสีกันไปมาระหว่าง แจ็คกี้ชาน และ จอห์นนี น็อกซ์วิลล์ ความมันส์แบบบ้าๆของสองคนคือสิ่งที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้คลอดสองชั่วโมงเต็ม ด้วยสังขารที่ร่วงโรยลงไปทำให้เฉินหลงไม่สามารถสร้างสรรค์ความมันส์จากคิวบู๊ได้เต็มที่ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะยังมีนักแสดงสมทบหลายคนจะมาโชว์คิวบู๊เสริมให้ แม้แอ็คชั่นจะไม่เข้าข้นมาก แต่กลิ่นอายบรรยากาศเก่าๆของ “หนังเฉินหลง” จะกลับมาทำให้คุณรู้สึกมันส์แน่นอน
ฮา
หนังเฉินหลงที่คนไทยคุ้นเคย ไม่ใช่หนังโชว์วูซูงามๆ หรือหนังโชว์คิวบู๊บ้าระห่ำ แต่เป็นหนังแอ็คชั่นที่แฝงไปด้วยความน่ารักและอารมณ์ขัน หนังอย่างเอไกหว่า ขาตั้งสู้ วิ่งสู้ฟัด มังกรหนวดทอง หนังตระกูลใหญ่ ทับ ฟัด ฯลฯ ตลอดจนหนังที่ร่วมกับฮอลลีวู้ดในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยจดจำเฉินหลงในภาพนักบู๊อารมณ์ดี แต่พอถึงทศวรรษ 2010 เฉินหลงฉีกแนวไปเล่นดราม่ามากขึ้นจนไม่ค่อยเป็นที่ประทับใจในแวดวงแฟนคลับเฉินหลงในประเทศไทย ถือว่าคนไทยห่างหายจากหนังเฉินหลงแบบเดิมๆไปนานพอสมควร แต่สำหรับ Skiptrace ผมถือว่าสามารถเรียกฟอร์มเฉินหลงคนเดิมกลับคืนมาได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ขึ้นหิ้งแบบ Rush Hour แต่ความฮาแบบแจ็คกี้ชานมันหวนกลับมาอีกครั้ง การปล่อยมุขขณะที่ตัวละครหลักทั้งคู่ผจญภัยไปในดินแดนต่างๆ มันอาจจะดูซ้ำรอยหนังแนวคู่หูผจญภัยหลายเรื่องที่ผ่านมาของเฉินหลง แต่การที่มาประกบคู่กับน็อกซ์วิลล์ มันกลายเป็นความฮาที่ดูจากตัวอย่างแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่เอาเข้าจริงมันเวิร์คสุดๆ
ลูกบ้า
ด้วยคาแร็คเตอร์เฉินหลง ที่รับบทเป็น เบนนีเฉิน ตำรวจวัยเกษียณที่หมกมุ่นกับการล้างแค้นมาเกือบสิบปี ต้องมาร่วมมือกับฝรั่งมะกันบ้าๆบอๆ ทำเรื่องที่หลายคนไม่ทำกัน อย่างการเข็นรถขึ้นภูเขา เมาปลิ้นกับชาวเผ่า ร้องเพลงเพื่อผ่านด่าน หรือเป่าหมูต่อเป็นแพ ฯลฯ ดูขัดกับคาแร็คเตอร์ของเบนนีชานที่ควรจะเคร่งขรึมจริงจัง แต่มันกลับกลายเป็นลูกบ้าที่ทำให้ตัวหนังดำเนินเรื่องไปได้ลื่นไหล ความบ้าที่เรียกเสียงฮาได้ตลอดทั้งเรื่อง เอาเข้าจริงๆความบ้าของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นรอง The Mermaid หนังของโจวซิงฉือที่บ้าจนถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศจีนถล่มทลายมาแล้ว แต่ผมรู้สึกว่า Skiptrace มันบ้าแต่ฮากว่าหนังเงือกน้อยซะงั้น อย่างไรก็ตามบางฉากก็เหมือนบ้าจนล้นเกินไป อย่างฉากคนมองโกลร้องเพลง ผมไม่เก็ทว่าหนังพยายามจะสื่ออะไรถึงได้เสียเวลากับฉากนั้นไปหลายนาที แถมยังดูไม่เมคเซ้นส์มากๆ