นี่ก็เป็นหนังย้อนยุคกึ่งอิงประวัติศาสตร์หน่อยๆ นะครับ ย้อนไปอดีตสมัยที่แผ่นดินอเมริกันยังไม่ถูกค้นพบ ชนพื้นเมืองอเมริกันก็ต้องเผชิญกับพวกไวกิ้งจอมโหดร้ายที่เข้ามาเพื่อยึดครองพื้นที่ จับคนไปเป็นทาส
แล้วหนังก็มาผูกเรื่องว่ามีเด็กน้อยชาวไวกิ้งคนหนึ่งถูกทิ้งอยู่บนแผ่นดินอเมริกาพอดี ก็มีคนนำไปชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ มีนามว่า โกสต์ (Karl Urban) เพระมีประวัติที่มาลึกลับ ซ้ำยังมีลักษณะร่างกายไม่เหมือนชาวพื้นเมืองอีกต่างหาก
แต่แล้วพวกไวกิ้งก็ยกพวกมาอีกครั้ง ครานี้ก็หมายจะครอบครองและทำร้ายคนบนแผ่นดินอเมริกันเช่นเคย ทำให้โกสต์ยอมไมได้ครับ เลยจัดการลุกขึ้นปกป้องชาวเมืองที่เลี้ยงดูตนมา ต่อสู้กับคนชาติพันธุ์เดียวกัน
พล็อตนี่คุ้นมากนะครับ ประเภทต้องลุกขึ้นมาปกป้องคนเลี้ยงพระเอก แต่พระเอกมีที่มาเดียวกับพวกศัตรูเนี่ย มุขประจำของหนังเลยคือต้องให้พระเอกสับสนใจอะไรเทือกนั้น แต่กับเรื่องนี้ไม่เน้นครับ เน้นพะบู๊สู้กันเลือดสาดอย่างเดียวเลย
คนกำกับคือ Marcus Nispel เจ้าของผลงาน The Texas Chainsaw Massacre ฉบับรีเมก ซึ่งโตมาจากสายงานกำกับโฆษณา ผมเลยเดาว่าแกคงต้องเน้นเรื่องภาพ มุมกล้อง แล้วก็เล่นสีผสมเข้ากับการต่อสู้แบบโบราณซึ่งก็ตรงตามคาดครับ จุดนี้ถือว่า Nispel ทำออกมาได้ไม่เลวเหมือนกัน กับการจับเอาสไตล์ภาพเล่นแสงสี เงาแบบโฆษณามาใส่ในหนังย้อนยุคฟันดาบก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
แต่เนื้อหานี่ไม่มีพลิกครับ ยังไงยังงั้นเลย พระเอกต่อสู้เก่งเหนือใคร (ตัวประกอบเก่งกว่าก็ไม่ได้ครับ พี่แกเป็นเทพอยู่คนเดียว) นางเอกต้องโดนทำร้ายหรือจับตัวไป (จะเป็นยายแก่ๆ หลังหมู่บ้านก็ไม่ได้นะ จับแต่คนสาว) ต้องมีคนที่พระเอกรักและนับถือมาเสียชีวิตไป (นี่ถ้าไม่รู้จักพระเอกอาจรอดก็ได้) และตอนท้ายการต่อสู้ก็ต้องถึงจุดแตกหัก (จะให้มันแตกหักตั้งแต่สิบนาทีแรกก็ไม่ได้ แหมๆๆ)
ตัวหนังนั้นถือเป้นการรีเมคแบบได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเก่าปี 1987 เรื่อง Ofelas หนังนอร์เวย์ แต่เนื้อเรื่องจะเน้นการล้างแค้นเป็นหลัก ความเข้มข้นออกจะมากกว่าเยอะ ส่วนเวอร์ชั่นนี้หนังมาแนวฮอลลีวู้ดเต็มๆ ครับ เนื้อเรื่องเน้นง่าย แต่ขายภาพกับรุนแรงเป็นหลัก เพราะถ้าถอดงานภาพออก ผมว่าเนื้อหาหนังเล่าได้สั้นมากนะครับ สามบรรทัดจบเอง
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหนังไม่ดีนะครับ ถ้าท่านชอบหนังแนวต่อสู้โบราณแบบผสมการประยุกต์เทคนิคภาพใส่ลงไปก็โอเคล่ะครับ แต่ถ้าหวังจะดูหนังเข้มแบบ The Last of the Mohicans นั่นก็คนละเรื่องแล้วครับ
นึกๆ เหมือนกันว่าหนังนี่สร้างกันมาเป็นร้อยปีแล้วนะครับ อะไรใหม่ๆ ก็มีเยอะ แต่ท่าทางว่าใกล้จะถึงทางตันเลยต้องขุดของเก่าเอามารีเมก ตามด้วยการใส่ของใหม่ลงไป นี่ก็เป็นการสร้างความสดใหม่อย่างหนึ่ง อย่างที่เราเรียกว่าเหล้าเก่าในขวดใหม่น่ะแหละ
ผมก็เฉยๆ ครับ นี่ว่าตามที่คิดเลย จริงๆ การลงทุนสร้างฉากต่างๆ มันก็ไม่เลวล่ะครับ แต่ความน่าติดตามและความเข้มข้นมันไม่มากเท่าไหร่ เนื้อหาก็ไม่ได้ชวนดึงดูดให้อยากดูจนจบแต่อย่างใด
ถ้าสนใจอยากดูหนังแนวนี้ที่เด็ดขาดอร่อยเหาะ ขอแนะนำ The Last of the Mohicans แล้วกันนะครับ หรือถ้าอยากดูที่มันบันเทิงล้วนๆ พระเอกล่ำไล่ล่า ฆ่าคนพาลกับพวกโฉด ก็ลองหา Conan the Barbarian ของพี่บึ้ก Arnold มาชิมแล้วกันครับ