ยอมรับว่าเข้าโรงแบบไม่รู้เรื่องย่ออะไรมาก่อน สิ่งที่ดึงดูดใจที่สุดก็มีแค่หน้า วาเนสซา เคอร์บี คนสวยจากซีรีส์ The Crown และหนังแอ็กชันวินาศสันตะโรอย่าง Mission Impossible : Fallout และ Hobbs & Shaw ข้อมูลเดียวที่มีติดหัวคือมันจะเล่าเรื่องเกี่ยวพันกับนิยาย Animals Farm ที่นายกรัฐมนตรีบางประเทศเคยแนะนำให้อ่านเท่านั้น เอาล่ะสิ…งานนี้จะหาวหรือไม่ เราลองดำดิ่งแต่ละตัวอักษรไปด้วยกัน
โดย มิสเตอร์โจนส์ตามชื่อหนังที่ว่าคือ กาเรธ โจนส์ (เจมส์ นอร์ตัน) ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลอยด์ จอร์จ (เคนเนธ แครนแฮม) ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันในการทำงานกระทรวงต่างประเทศ แต่ด้วยความสงสัยถึงแหล่งที่มาการเงินของสหภาพโซเวียตก็พาให้เขาเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงมอสโคว์ ก่อนจะได้รู้ว่าทางโซเวียตกำลังปกปิดความลับเบื้องหลังภาพลักษณ์สังคมเกษตรกรรมอันสวยหรู และหากสื่อมวลชนคนใดคิดจะไปขุดคุ้ยอาจต้องจบชีวิตเหมือนเพื่อนนักข่าวของเขา งานนี้ โจนส์ เลยต้องเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อกระชากหน้ากากทั้งความฉ้อฉลของสตาร์ลินและนักข่าวไร้จรรยาบรรณแต่ได้รางวัลพูลิตเชอร์อย่าง วอลเธอร์ ดูแรนตี (ปีเตอร์ สาร์สการ์ด) ให้จงได้
ก่อนอื่นเลยคือ Mr.Jones อาจจัดอยู่ในหมวดหนัง Spy Thiller คือเป็นแนวสืบสวนปนระทึกขวัญแบบตัวเอกต้องแฝงตัวเข้าไปคลุกคลีกับเป้าหมาย แม้ว่า มิสเตอร์โจนส์ ในเรื่องจะเป็นนักข่าวมือสมัครเล่นแต่ด้วยชื่อชั้นที่หนังให้ข้อมูลมาทั้งเคยสัมภาษณ์ ฮิตเลอร์ และมีสายข่าวอยู่ในกรุงมอสโคว์ก็พอจะให้สถานะสายลับแบบอ้อม ๆ ให้เขาได้ นั่นทำให้ครึ่งแรกของหนังเดินไปอย่างรวดเร็ว กระชับ และน่าตื่นเต้นมากกับภารกิจและอุปสรรคที่เขาจะต้องเผชิญทั้งการกีดกันนักข่าวไปจนถึงปฏิภาณไหวพริบในการเอาตัวรอด ซึ่งถือว่างานกำกับของ แอกเนียซกา ฮอลแลนด์ ผู้กำกับหญิงที่เคยผ่านงานมาโชกโชน โดยเฉพาะซีรีส์ House of Cards ทาง Netflix ได้โชว์ฝีมือในการทำหนังสืบสวนอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
และเมื่อหนังดำเนินมาถึงจุดที่มิสเตอร์โจนส์ของเราสามารถพาตัวเองหลบหนีตามเส้นทางธรรมชาติได้แล้ว หนังก็พลิกแนวมาสู่หนังทริลเลอร์ระทึกขวัญและปะปนด้วยภาพสุดสยดสยองทันที เมื่อความแร้นแค้นพามนุษย์ทำทุกทางเพื่อให้หลุดพ้นความหิวโหยที่ต้องยอมรับว่า ฮอลแลนด์ เธอบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสะเทือนอารมณ์เป็นอย่างมาก ถ้าจะให้เล่าอย่างเป็นรูปธรรมก็คือมีเพื่อนร่วมโรงภาพยนตร์ของผมรีบลุกออกไปพร้อมเสียงแสดงอาการคลื่นไส้และปั่นป่วนมวนท้องอย่างถึงที่สุดก็แล้วกัน
ส่วนที่ได้เกริ่นไว้แต่ต้นว่ามันแอบมาเกี่ยวกับนิยาย Animals Farm ก็ตรงที่ในเรื่องมีการบอกเล่าผ่านมุมมองของ จอร์จ ออร์เวล ผู้ประพันธ์นิยายนามอุโฆษเรื่องนี้ ซึ่งในหนังได้ โจเซฟ มาวล์ นักแสดงหนุ่มหล่อหน้าแปลกที่ออกมาไม่กี่ฉากแต่น่าจดจำไม่น้อย โดยเรื่องราวของ มิสเตอร์โจนส์ ก็ได้กลายเป็นต้นธารให้นิยายในดวงใจของนายกรัฐมนตรีบางประเทศได้แนะนำให้ผู้ใต้ปกครองอ่านอีกด้วย
และแม้จะถูกฉายด้วยรอบที่น้อยประหนึ่งหนังอินดี หนังเซอร์เรียลดูยาก แต่บรรดานักแสดงในเรื่องก็นับว่ามีชื่อชั้นและมาประชันฝีมือกันอย่างคับคั่งนอกจาก วาเนสซา เคอร์บี แล้ว เจมส์ นอร์ตัน หนุ่มหล่อเจ้าของบท จอห์น บรู๊ค จาก Little Women ฉบับล่าสุดมารับบท มิสเตอร์โจนส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ ปีเตอร์ สาร์สการ์ด ที่มารับบท วอลเธอร์ ดูแรนตี นักข่าวผู้ทรงอิทธิพลและยอมเป็นหุ่นเชิดให้สตาร์ลินได้อย่างมีเสน่ห์และชวนให้สบถด่าทุกซีนในช่วงท้ายของหนังได้อย่างถึงพริกถึงขิง
แม้โดยรวม ๆ หนังอาจจะยังไม่ลงตัวนักทั้งประเด็นการพูดถึงเรื่องราวก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่หนังพยายามโยงเข้าไปหาสหภาพโซเวียตตอนต้นเรื่องหรือจะเป็นการไปขุดคุ้ยสตาร์ลินที่ตอนต้นเรื่องหนังเหมือนจะพูดถึงประเด็นที่ยิ่งใหญ่มากอย่างความกลัวหากสตาร์ลินร่วมมือกับฮิตเลอร์ก่อสงครามโลกหรือการแอบผลิตอาวุธของโซเวียต แต่พอหนังมาจบในทางมนุษย์กับการเมืองเรื่องปากท้องก็เลยผิดโฟกัสไปหน่อย ยังดีที่การกำกับและการแสดงช่วยให้หนังไม่น่าเบื่อ ดูสนุก ถือเป็นอีกหนึ่งหนังดีที่น่าเสียดายหากพลาดดูในโรงภาพยนตร์.