Long Weekend เล่าเรื่องราวของ บาร์ต ชายหนุ่มที่กำลังมีชีวิตตกอยู่ในภาวะดำดิ่งหลายด้าน หลังจากที่ล้มเหลวกับอาชีพอิสระด้านงานเขียน เขาจึงตัดสินใจลองกลับไปสมัครงานออฟฟิศอีกครั้ง พร้อมกับเตรียมย้ายออกจากอะพาร์ตเมนต์ เพื่อไปขออาศัยอยู่ในโรงรถที่บ้านเพื่อนสนิทงของเขาเป็นการชั่วคราว
ด้วยความเบื่อหน่าย บาร์ต ตัดสินใจหยิบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และซื้อตั๋วหนังเรื่องอะไรสักอย่างที่เขาเองก็ไม่ได้ดูชื่อเรื่อง แต่หวังจะเข้าไปหาที่มืดๆ เพื่อดื่มย้อมใจสักหน่อย กระทั่งเขาสะดุ้งตื่นขึ้นได้เพราะมีหญิงสาวมาสะกิดเรียก หลังจากที่หนังฉายจบลงไปแล้ว การพบกันของหนุ่มสาวทั้งคู่จึงเกิดขึ้น
เธอคือเวียนนา ผู้หญิงประหลาดๆ ที่ไม่มีแม้แต่บัตรประชาชนหรือโทรศัพท์มือถือ แต่กลับทำให้บาร์ตรู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้นที่ได้อยู่กับเธอผู้นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอยิ่งแนบชิดสนิทสนมกันมากขึ้น พวกเขาก็เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลาใหม่ทั่วไป ที่ยังอยู่ในช่วงระหว่างศึกษาดูใจและเรียนรู้กันและกัน จนกระทั่งการเรียนรู้นำมาสู่การค้นพบความลับบางอย่างที่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง
หนังเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ “สตีเฟน บาซิโลน” ที่ทุกอย่างในหนังล้วนแต่เป็นไอเดียของเขาล้วนๆ และเขาก็ยังโดดมาเล่นบทสมทบเล็กๆ ในหนังเรื่องนี้ด้วย แต่จะว่าไปหนังเองก็มีองค์ประกอบพื้นฐานของหนังรอมคอมทั่วไป เพียงแต่ได้มีการแตะต้องประเด็นความเป็นไซไฟบางอย่างเข้ามาได้อย่างแนบเนียน จึงกลายเป็นหนังรักที่ดูแตกต่างไปจากหนังรักเรื่องอื่นๆ ได้อยู่บ้าง
องค์ประกอบต่างๆ ของ Long Weekend อาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบทั้งหมด ทั้งการเล่าเรื่องและบทหนังที่ไม่ได้คมคายไปทั้งหมด แต่เมื่อหลายๆ ส่วนได้ถูกนำมาประกอบกันก็ถือว่าสร้างสรรค์ออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ โดยเฉพาะเคมีการแสดงของคู่พระนาง “ฟินน์ วิตต์ร็อก” กับ “โซอี้ เชา” ที่ถือว่าความลงตัวแบบที่ไม่คิดว่าจะเหมาะเจาะกันได้ แต่เสน่ห์ในการแสดงของทั้งคู่ถือว่าฉายแสงออกมาได้ดี พวกเขาช่วยกันพยุงหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น Long Weekend เป็นหนังรักเล็กๆ ที่ไม่ได้มีกิมมิกที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่พลังงานความรักเล็กๆ ของพวกเขาได้ถูกสื่อสารออกมาเป็นประเด็นที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คนดูจะคาดคิด แม้ว่าจะใส่สูตรสำเร็จทั่วๆ ไปของหนังรักที่เคยเห็นกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้สามารถขยี้ใจคนดูในแบบฟีลกู้ดยิ้มๆ ไปได้ถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ