ปี 1944 ในช่วงที่การสู้รบระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรและนาซีกำลังถึงจุดสิ้นสุด ทหารอเมริกัน 5 นาย ได้รับภารกิจปกป้องคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่งในฝรั่งเศสจากการโจมตีของนาซีเยอรมัน แต่พวกเขาต้องเจอกับเหตุการณ์ลึกลับชวนขวัญผวาที่พัวพันกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ
แม้จะเป็นหนังอังกฤษที่ชื่อชั้นไม่ได้เป็นโปรแกรมทองแต่อย่างใด ทว่าเมื่อดูลงไปภายในตัวหนัง Ghosts of War เองก็มีของไม่ธรรมดาอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลงานของทีมสร้างหนังสงครามระเบิดเวหาผ่าทะเลอย่าง Midway หรือในส่วนตัวนั้นก็สนใจเป็นพิเศษว่ามันคือผลงานการกำกับและเขียนบทของ อีริก เบรส ที่ชื่อไม่คุ้น แต่ไปดูผลงานที่ผ่านมาก็ล้วนเป็นหนังทุนกลาง ๆ ที่มีพลอตน่าสนใจจนเป็นที่ร่ำลือมาแล้ว ไม่ว่าจะหนังไซไฟสยองขวัญที่มีตัวร้ายเป็นความตายอย่าง การเขียนบท Final Destination 2 (2003) และ The Final Destination (2009) รวมถึงการเขียนบทและกำกับเรื่องแรกของเขาอย่าง The Butterfly Effect (2004) เองก็ตาม
สำหรับหนังเรื่องนี้เองก็ยังคงลายเซ็นในแนวทางสยองขวัญทุนสร้างกลาง ๆ ที่มีกลิ่นแบบเดิม ๆ ของเขาได้อย่างดี คือแค่พลอตก็ทำเราอยากดูแล้ว เมื่อทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวน 5 นายที่มีผู้นำกลุ่มอย่าง คริส (เบรนตัน ทเวตส์ เคยรับบทลูกชายสุดหล่อของ ออร์แลนโด บลูม ในหนัง Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales (2017) ได้รับภารกิจต้องเดินทางเข้าสู่เมืองในฝรั่งเศส เพื่อผลัดเวรเฝ้าประจำการจุดยุทธศาสตร์ของฝั่งสัมพันธมิตร โดยระหว่างการพักแรมกลางป่าในคืนหนึ่ง คริส ก็มองเห็นเงาร่างในความมืดที่จับจ้องมายังกลุ่มของพวกเขาที่หลับอยู่ ซึ่งมันอาจเป็นบางสิ่งที่ลี้ลับหรืออาจเป็นเพียงความหวาดกลัวสงครามภายในใจที่คอยหลอกหลอนเขาเองก็ตาม
อย่างไรก็ดีเมื่อเดินทางต่อไปพวกเขาก็ได้เห็นความโหดร้ายของสงครามที่กระทำต่อชาวบ้านที่ต้องทิ้งถิ่นฐานหนีตายจากพวกนาซีเยอรมัน ซึ่งหนังก็ค่อย ๆ เผยลักษณะนิสัยของทหารในกลุ่มของคริสให้เราจดจำได้ผ่านช่วงสั้นของการเดินทางนี้ ก่อนจะเข้าสู่พลอตสำคัญของเรื่องเมื่อทั้งกลุ่มได้มาถึงคฤหาสน์ร้างของครอบครัวเศรษฐีที่ถูกพวกนาซีฆ่าล้างครัวอย่างโหดเหี้ยม
โดยการจั่วหัวเปิดฉากการผลัดเวรนี้ก็ทำได้น่าสนใจทีเดียว เมื่อทหารกลุ่มก่อนหน้ารีบเก็บของออกไปโดยไม่ได้บอกเล่าอะไรมากนัก ราวกับจะรีบหนีอะไรสักอย่าง และตามที่เห็นในตัวอย่างนั่นล่ะ ทหารกลุ่มนี้ก็ต้องเผชิญหน้ากับความสยองขวัญสั่นประสาทจากเจ้าของคฤหาสน์เดิม รวมถึงกองทัพนาซีที่กำลังเคลื่อนพลเข้ามา พลอตแค่นี้ล่ะเพียงพอมากแล้วที่เราจะสนุกกับตัวหนังไปได้จนจบ
และการหลอกหลอนของคฤหาสน์หลังนี้ก็เรียกว่า จัดเต็มมาตั้งแต่ เสียง ร่องรอยปริศนาที่ชวนจินตนาการความโหดร้ายที่เคยบังเกิด การผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของวิญญาณ ภาพถ่ายสุดหลอนของครอบครัวเจ้าบ้าน รวมถึงมุกการหลอกที่อาจไม่แปลกจากหนังผีที่เคยชม แต่ก็ได้ผลในการดึงความสนใจเราได้ตามสูตรสำเร็จอยู่ดี ว่าเงื่อนไขการหนีตายเอาชีวิตรอดจากคำสาปเหล่านี้ แท้จริงคืออะไรกันแน่
นี่เป็นหนังสงครามแบบสยองขวัญที่มีความไม่ดาดดื่น ได้ทั้งบันเทิงแบบตลาด ๆ และข้อคิดแบบเหนือ ๆ ใครชอบความท้าทายและการหักมุมแบบเกิดคาดเดา ก็อยากแนะนำเลยล่ะ