หนึ่งในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล และเชื่อว่าหนึ่งในรายชื่อหนังที่หลายคนรักจะต้องมีชื่อ Forrest Gump อยู่อย่างแน่นอน วันนี้หนัง Forrest Gump มีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ถ้าเป็นคนก็เข้าวัยเบญจเพสแล้ว แต่หลาย ๆ ฉาก หลาย ๆ ตอนก็ยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชมตลอดมา และยากที่จะมีหนังเรื่องไหนที่ให้ทั้งความสุขความบันเทิงและสาระข้อคิดมากมายได้เพียงนี้
Forrest Gump กำกับโดย โรเบิร์ต เซเมกคิส ผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ผู้เคยมีหนังขึ้นชั้นอมตะมากมายอย่าง Back To The Future ไตรภาค อีริก ร็อธ รับหน้าที่ดัดบทประพันธ์ของ วินสตัน กรูม มาเป็นบทภาพยนตร์ และนำแสดงโดย ทอม แฮงก์ , โรบิน ไรต์ , แกรี ซินีส และ แซลลี ฟิลด์ แม้ว่าหนังจะยาวถึง 2 ชั่วโมง 22 นาที แต่ก็เป็นหนังที่หลายคนหยิบมาดูแล้วดูอีกอย่างไม่รู้เบื่อ
มีเคลทิ วิลเลียมสัน , แกรี เซนิส และ ทอม แฮงก์ 3 นักแสดงนำมาพบกันอีกครั้งใน 20 ปีต่อมา
หนังเข้าฉายในบ้านเราในชื่อไทยว่า “อัจฉริยะปัญญานิ่ม” ในปีที่ออกฉาย Forrest Gump ได้ประกาศศักดิ์ศรีถึงคุณค่าในตัวเองทั้งในเรื่องรายได้และรางวัล หนังคว้า 6 รางวัลออสการ์ไปในปีนั้น ซึ่งรวมถึงรางวัลใหญ่สุดอย่าง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม ส่วน ทอม แฮงก์ คว้าออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่ 2 เป็นประวัติการณ์เกริกเกียรติที่เขาคว้ารางวัลใหญ่นี้ 2 ปีติดต่อกัน ต่อจาก Philadephia (1993) ที่เขารับบทเป็นชายรักร่วมเพศและป่วยเป็นโรคเอดส์
ด้านรายได้ หนังทำเงินไปมากถึง 678 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 55 ล้านเหรียญ ถ้าคำนวณตามอัตราเงินเฟ้อเป็นมูลค่าเงินในปี้นี้ ก็เท่ากับหนังทำรายได้ไปที่ 1,171 ล้านเหรียญเลยเชียว เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 2 ในปี 1994 รองจาก The Lion King หนังแอนิเมชัน จากดิสนีย์
ปกนิยาย ภาค 1 และภาค 2
ด้วยความสำเร็จขนาดนี้ ทำให้พาราเมาท์อยากจะทำภาคต่อออกมาแน่นอน เพราะ วินสตัน กรูม เจ้าของบทประพันธ์เองก็เขียนนิยายภาคต่อออกมาในชื่อ Gump and Co. ทิ้งห่างจากนิยายภาคแรกถึง 9 ปี เรื่องราวในนิยายภาคต่อ เล่าชีวิตของฟอร์เรสต์ กัมพ์ ในวันที่เขามีลูกชายแล้ว โพรเจกต์ภาคต่อเดินหน้าไปถึงขั้นที่ อีริก ร็อธ ผู้เขียนบทภาพยนตร์คนเดิมได้ทำการเขียนบทภาพยนตร์เสร็จสิ้นแล้วในปี 2001 และในปีเดียวกันนั้นก็เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ 9/11 ผู้กำกับโรเบิร์ต เซเมกคิส , ทอม แฮงก์ และ อีริก ร็อธ ประกาศขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับโพรเจกต์อีกต่อไป ก็น่าจะเป็นเรื่องดีกว่าที่หนังที่จบสมบูรณ์ในตัวเองแล้วแบบนี้ จะไม่สานภาคต่อที่อาจจะไม่ทรงคุณค่าได้เท่าภาคแรก
สำหรับแฟน ๆ ที่รักและชื่นชอบ Forrest Gump ในโอกาส 25 ปีของหนัง ก็ขอหยิบจุดที่น่าสนใจจากหนัง มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าบางจุดจะหลุดรอดสายตาไป แล้วจะได้ไปหาโอกาสชมกันอีกสักครั้ง
ในฉากที่ ฟอร์เรสต์ กัมพ์ เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลสหรัฐที่ส่งทหารเข้ารบในสงครามเวียตนาม ฟอร์เรสต์ ในฐานะทหารผ่านศึกเวียดนามโดนกลุ่มผู้ประท้วงคะยั้นคะยอให้ไปพูดทัศนคติของตนต่อสงครามเวียตนาม แต่ระหว่างนั้นก็มีทหารสหรัฐฯ แอบมาถอดแจ็กเครื่องขยายเสียง ทำให้ผู้คนไมได้ยินข้อความที่ฟอร์เรสต์พูด พอทีมงานวิ่งมาเสียบแจ็กกลับ ฟอร์เรสต์ก็พูดประโยคสุดท้ายพอดี “และนี่คือทั้้งหมดที่ผมอยากจะพูดครับ” ส่วนประโยคเต็มที่ฟอร์เรสต์ได้พูดในฉากนั้นก็คือ “ทหารอเมริกันที่ไปรบในเวียตนาม บางคนได้กลับบ้านมาหาแม่แต่ไม่มีขา บางคนก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กลับบ้าน มันล้วนเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นครับ”