หนังเรื่องล่าสุดที่ว่าด้วยชีวิตของ บรูซ ลี ที่สุดท้ายก็เป็นได้เพียงแค่ หนังอีกเรื่องที่เล่าเรื่องราวของราชานักบู๊ผู้ล่วงลับคนนี้เท่านั้น ด้วยเนื้อหาที่ไม่ชัดเจน, ขาดแคลนความสนุก และ เรื่องราวไม่น่าเชื่อถือ Bruce Lee, My Brother จึงเป็นงานที่ห่างไกลจาก Ip Man กันแบบไม่เห็นฝุ่น
Bruce Lee, My Brother เล่าเรื่องตั้งแต่วันที่ หลี่จุนฟาน (ชื่อจริง ของบรูซ ลี) ลืมตาดูโลกในโรงพยาบาลย่านซานฟรานซิสโก หลังบิดาที่เป็นนักแสดงงิ้ว เดินทางไปเปิดการแสดงอยู่ที่นั่น ก่อนจะอพยพกันกลับมายังฮ่องกง และตลอด 129 นาทีที่เหลือของหนังเป็นการฉายภาพชีวิตของ บรูซ ลี ก่อนจะกลายเป็นราชานักบู๊ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก
หนังอาจผิดคาดสำหรับหลาย ๆ คนที่ไม่ค่อยทราบเรื่องราวในชีวิตของ บรูซ ลี นัก เพราะก่อนที่เขาจะโด่งดังขึ้นมากับบท “เคโต” ใน Green Hornet ราชานักบู๊แห่งฮ่องกงคนนี้ก็มีงานในวงการบันเทิงอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ใช่ในฐานะนักแสดงแอ็กชั่น หากแต่เป็นดาราเด็ก จนต่อมากลายเป็นดาราวัยรุ่น ไม่ได้มีชีวิตเป็นนักบู๊จอมยุทธ์อะไรที่ไหน
ไม่ต้องสงสัยว่า Bruce Lee, My Brother เกิดขึ้นได้ด้วยความสำเร็จของ Ip Man หากแต่หนุ่ม บรูซ ในหนังแทบไม่ได้มีชีวิตอะไรที่ใกล้เคียงกับอาจารย์ยิปเลย จนแทบจะสามารถเรียกได้ว่านี่คือ หนังวัยรุ่นย้อนยุค ที่พูดถึงการเติบโตของกลุ่มเพื่อน ในฮ่องกงยุค 50s ที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากภัยของสองครามโลกเมื่อทศวรรษก่อนหน้านั้น
บรูซ ลี ในหนังเป็นหนุ่มรักสนุก แตกต่างจากพี่ชายที่ดูจะเคร่งเครียดในการศึกษา แต่สำหรับเขาดูจะมีความสุขกับการใช้เวลากับเพื่อน ๆ ชอบเต้นรำ และ ชีวิตในวงการภาพยนตร์เป็นนักแสดงขวัญใจวัยรุ่น มีงานในวงการบันเทิง หลังจากมีพ่อที่เป็นนักแสดงอยู่ก่อนแล้ว
ความสนุกของ Bruce Lee, My Brother ก็เห็นจะอยู่ตรงนี้เอง กับการสร้างโลกฮ่องกงยุค 50s ขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะโลกแห่งวงการบันเทิง มีคนดัง ๆ ในยุคนั้นโผล่มาเป็นตัวละครให้ได้รำลึกถึงความหลังกันเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะเป็น ซื่อเจี่ยน ดารารุ่นใหญ่แห่งยุคหนังขาวดำ ดาวรุ่นระดับตำนานที่ต่อมาได้สวมบทบาทที่โลกไม่มีวันลืมในหนัง Enter The Dragon ของ ลี, ฝงเป๋าเป๋า ดาราเด็กชื่อดังในยุคนั้น รวมถึง ยูนิคอร์น เฉิน นักแสดงซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเพื่อนสนิทของ ลี ก็มีบทเด่นอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย แน่นอนว่าต้องมี ยิปมัน อยู่ในหนังด้วย แต่ก็เป็นเพียงบทเล็ก ๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไรเท่านั้น
ครึ่งแรกของหนังมีบรรยากาศ และงานสร้างที่น่าสนใจ ฉากเบื้องหลังการถ่ายทำหนังยุคโบราณดูน่าประทับใจเป็นพิเศษ อาจจะพูดได้ว่านี่คือหนังอีกเรื่องที่เสนอภาพของวงการหนังกวางตุ้งในยุค 50s ที่เป็นยุคทองของหนังกวางตุ้ง ก่อนการมาถึงของ ชอว์ บราเดอร์ อย่างไรก็ตามการเล่าเรื่องราวโดยไม่ได้ให้ความสำคัญไปที่เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งอย่าง