มาร์ค (แฟรงค์ กริลโล) ตำรวจแอลเอชีวิตแหลกเหลวต้องหาทางช่วยเหลือ เทรนต์ (จอนนี่ เวสตัน)จากการเก็บเกี่ยวของเหล่าเอเลี่ยน เขาต้องรวมทีมกับ ออเดรย์ (โบยานา โนวาโควิค) เสือ (อิโก อูไวส์) และ กัญญา (พาเมลีน ฉี) ต่อสู้กับศัตรูจากนอกโลกแม้ไม่มีแต้มต่อใดๆก็ตาม
ย้อนกลับไปปี 2010 โลกได้รู้จักกับ Skyline หนังไซไฟฟอร์มเล็กของผู้กำกับพี่น้องสเตร้าส์ ที่คิดใหญ่แม้ทุนน้อยด้วยการถ่ายทำหนังไซไฟเอเลี่ยนบุกโลกโดยมีจุดเด่นคือหากใครมองลำแสงสีฟ้าแล้วจะถูกดูดเข้าไปในยานอวกาศ แม้หนังจะมีแผลใหญ่ในการเล่าเรื่อง แต่ด้วยคอนเซปต์เอเลี่ยนที่ค่อนข้างแปลกใหม่ทำให้หนังประสบความสำเร็จในตลาดนอกอเมริกาจนมีโอกาสได้สร้างภาคต่อเป็นหนัง Beyond Skyline เรื่องนี้ที่ได้คนเขียนบทจากภาคที่แล้วอย่าง เลียม โอ ดอนเนล มานั่งแท่นกำกับแล้วดึง อิโก อูไวส์กับยายานรูเฮียนสองนักบู๊จาก The Raid หนังแอ็คชั่นอินโดนีเซียเรื่องดังมาเป็นจุดขาย
สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้อย่างชัดเจนคือคราวนี้ เลียม เลือกเล่าเรื่องให้ขอบเขตกว้างไกลขึ้นจาก Skyline ภาคเดิมที่อยู่แต่ในเมืองคราวนี้หนังแบ่งเรื่องราวตัวเองเป็นสามส่วนคืออุโมงค์รถไฟใต้ดินในยานเอเลี่ยน และชายแดนประเทศลาวซึ่งเอื้อให้หนังสามารถเล่าเรื่องเอเลี่ยนได้ประหลาดล้ำโลกกว่าเดิมซึ่งหากเรามองหนังแต่ละส่วนจะพบจุดดีจุดด้อยต่างกันไป
ในส่วนแรกคือในอุโมงค์รถไฟใต้ดิน ตรงนี้หนังแทบไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่มีเพื่อปูความเป็นฮีโร่ของพ่อลูกอย่าง มาร์คและเทรนต์ ที่ช่วยเหลือคนในขบวนรถไฟจากเหล่าเอเลี่ยนจนได้รวมทีมกับ ออเดรย์ และช่วย จ่า (แอนโตนิโอ ฟาร์ก๊าซ) คนตาบอดให้หนีออกจากแอลเอไปด้วยกัน จุดเด่นของเรื่องราวส่วนนี้คงหนีไม่พ้นการปูดราม่าระหว่างพ่อลูกให้หนักแน่นขึ้นเพิ่มเติมจากฉากเปิดเรื่องที่เราเห็น มาร์คไปประกันตัวเทรนต์ด้วยข้อหาที่หนังไม่ได้เฉลยแต่พอทำให้เราเห็นว่า เทรนต์ ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายเพราะเขาพยายามช่วยเหลือคนอื่นๆ แต่ด้วยบาดแผลสำคัญคือการแสดงของทั้งนักแสดงนำและสมทบที่เข้าขั้นเลวร้ายมากไปหน่อย หนังเลยไม่สามารถทำให้คนดูอินกับตัวละครได้มากพอจะลุ้นกับชะตากรรมของพวกเขาเท่าใดนักทำให้ไม่ว่าเจอเอเลี่ยนหรือถูกยานดูดก็ไม่ได้สร้างความลุ้นระทึกมากเท่าไหร่
ส่วนที่สองในยานเอเลี่ยน ตรงนี้แว่บแรกที่เห็นคือนึกถึงหนัง ID4 (1996) เลย ทั้งดีไซน์ภายในของยานและลักษณะเอเลี่ยน เชื่อว่าผู้กำกับคงอ้างอิงมาเยอะ สำหรับเรื่องราวในส่วนนี้คือการหาทางเอาตัวรอด โดยเรื่องราวแบ่งสองส่วนแต่เล่าตัดสลับกัน คือเทรนต์ที่พยายามช่วยเหลือ ออเดรย์จากพันธนาการ และ มาร์คที่ได้พบกับ จาร์รอด (โทนี่ แบล็ค) เอเลี่ยนที่หลงเหลือความเป็นมนุษย์เพื่อปกป้อง อีเลน (ซาแมนธา จีนส์) ภรรยาที่ใกล้คลอดเต็มที ซึ่งจุดนี้เองที่หนังใช้เชื่อมเหตุการณ์จากภาคที่แล้วเพราะทั้งคู่คือตัวละครนำใน Skyline (2010) (ตอนจบ จาร์รอด เป็นเอเลี่ยนเอามือมาจับท้องของอีเลนที่มีลูกของเขาอยู่) ในส่วนนี้หนังทำได้ดีขึ้นจากส่วนแรกในอุโมงค์รถไฟใต้ดิน คือมีฉากแอ็คชั่นที่เข้มข้นขึ้นมีการตัดต่อที่ฉับไวมีดราม่าสะเทือนอารมณ์และนำไปส่วนที่ดีที่สุดในเรื่องคือส่วนที่สาม
และเหตุการณ์ที่ประเทศลาวนี่เองที่เราจะได้พบกับ อิโก อูไวส์ นักบู๊ชาวอินโดนีเซียในบทเสือ และ พาเมลีน ฉี นักแสดงสาวชาวสิงคโปร์ในบท กัญญา โดยทั้งคู่ต้องพูดภาษาลาวทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้ประหลาดแค่เอเลี่ยนเท่านั้นแต่ยังรวมถึงแนวคิดที่ผู้สร้างเอาชาวต่างชาติมาเล่นเป็นตัวละครชาวลาวแต่ยังดีที่ทั้งคู่สามารถพูดภาษาลาวได้ค่อนข้างดีแม้มีติดขัดอยู่เล็กน้อยบวกกับลักษณะโครงหน้าแบบชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้คล้ายกันเลยพอถูไถไปได้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในส่วนนี้คงหนีไม่พ้นฉากต่อสู้โชว์ศิลปะป้องกันตัวทั้งจาก อิโก อูไวส์ และ ยายาน รูเฮียน จาก The Raid และฉากไล่ล่าที่ พาเมลีน ฉี ดูดีมากเวลาแสดงบทบู๊ เชื่อว่าคนดูหนุ่มๆมองเธอเพลินแน่นอนครับ บวกกับโลเคชั่นลุ่มน้ำโขงที่ถ่ายได้สวยงามแปลกตาทำให้เนื้อเรื่ององก์นี้ลงตัวที่สุด
กล่าวอย่างไม่เกินจริง หากวัดบรรทัดฐานในฐานะหนังไซไฟบล็อกบัสเตอร์ Beyond Skyline ถือว่ามาฟอร์มรองทั้งงบประมาณที่น้อยกว่าหนังฟอร์มใหญ่ทำให้ซีจีหรือเทคนิคพิเศษต่างๆไม่แนบเนียนนัก แต่ถ้าใครชอบหนังบู๊เอามันส์ เอฟเฟกต์ย้อนยุคแบบคนใส่ชุดยางเป็นเอเลี่ยนมาซัดกับคน พร้อมฉากสยองแบบเลือดสาด กระชากหนังหัวหลุดแล้วล่ะก็ Beyond Skyline ถือว่าหาที่ทางตัวเองได้ดีทีเดียว แม้หนังจะมีแผลใหญ่ทั้งการแสดงและบทหนังที่เข้าขั้นโคม่าอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม