ในปี 1942 มณฑลเหอหนานประสบภาวะอดอยากครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ ซึ่งคร่าชีวิตประชนหญิง ชาย และเด็กกว่าสามล้านราย แม้ว่าสาเหตุหลักของมหันตภัยจะเป็นความแห้งแล้ง แต่สถานการณ์ถูกซ้ำเติมด้วยฝูงตั๊กแตน, ลมพายุ, แผ่นดินไหว, โรคระบาท และการคอรัปชั่นของรัฐบาลก๊กมินตั๋ง
กลางดึก ชาวนาผู้อดอยากนับร้อยถือเคียวและคบเพลิงลงสู่ที่ดินของเจ้าสัวฟ่าน (จางกั๋วลี่) ทางตอนเหนือของมณฑลเหอหนาน เขาครอบครองคลังเมล็ดพันธุ์พืชสุดท้ายในหมู่บ้านเหลาจวง ด้วยความกลัวฝูงชนที่กราดเกรี้ยว เจ้าสัวฟ่านจึงเลี้ยงอาหารพวกเขาในพื้นที่บ้าน แต่ความแค้นแต่หนหลังปะทุขึ้นและบ้านของเขาถูกเผาจนราบคาบจากอุบัติเหตุไฟไหม้
ขณะเดียวกัน สงครามระหว่างกองทัพญี่ปุ่นและกลุ่มชาตินิยมกำลังจะเปิดฉากขึ้นในตอนเหนือของมณฑลเหอหนาน เสบียงพืชพรรณกำลังจะถูกส่งให้กองทัพจีน ผู้ว่าการมณฑลมองเห็นภัย จึงขอเข้าพบนายพลเจียงไคเช็ค (เฉินเต๋าหมิง) ในเมืองหลวงชั่วคราวแห่งนครฉงชิ่ง แต่เมื่อได้เผชิญหน้า เขากลับไม่กล้าเอ่ยปาก
เมื่อกลายเป็นคนไร้บ้านและหิวโหย เจ้าสัวฟ่านจึงจำต้องเข้าร่วมกลุ่มกับผู้อพยพนับล้านที่เดินเท้าสู่มณฑลซานซีซึ่งมีสถานที่หลบภัยในช่วงวิกฤต เขาถือเป็นคนที่มั่งมีที่สุดในกลุ่มโดยมีเกวียนม้าลากของตัวเองที่บรรทุกซิงซิง ลูกสาววัย 16 ปีของเขา (ฟิโอน่า หวัง), ฉวนจู คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ (จางโหมว), หัวจื่อ ลูกบ้าน (ซูฟ่าน) และเมล็ดพันธุ์พืชที่เหลือ
ระหว่างการเดินทางลงใต้สุดอันตรายในเส้นทางตรงข้ามกับกองทัพจีน ฟ่านได้พบกับชายสี่คนซึ่งแต่ละคนต่างกำลังเผชิญวิกฤต ได้แก่ ธีโอดอร์ เอช ไวท์ นักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันผู้กระตือรือร้น (เอเดรียน โบรดี้), ผู้เฒ่าหม่า พ่อครัวที่ผันตัวมาเป็นผู้พิพากษา (ฟ่านเหว่ย), โธมัส เมแกน บาทหลวงผู้เคร่งปฏิบัติ (ทิม รอบบินส์) และอันซีมาน ที่ศรัทธาในศาสนาของเขากำลังถูกทดสอบ (จางฮานหยู)
หลายสัปดาห์ผ่านไป ความแตกต่างทางสังคมระหว่างฟ่านกับฉวนจู คนงานของเขา ก็เลือนหายไป พวกเขาฝันถึงอนาคตหลังสงครามว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินด้วยกัน ฟ่านทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันคือขายลูกสาวตัวเองให้แก่ซ่องแห่งหนึ่งเพื่อแลกกับข้าวฟ่างไม่กี่แกลลอน เธอยืนยันจะทำเพราะหมดหวังที่จะหาข้าวกิน ฉวนจูถึงกับใจสลายเพราะหลงรักซิงซิงมานาน
ฉวนจูได้รับการดามใจเมื่อสาวแก่หัวจื่อเสนอที่จะแต่งงานกับเขา หลังจากอยู่กับสามีใหม่ได้เพียงคืนเดียว และหาพ่อใหม่กับลูกๆ ผู้หิวโหยได้แล้ว หัวจื่อก็ขายตัวเองให้กับสองพ่อค้าทาส ครอบครัวใหม่ของเธอจึงมีอาหารพอประทังชีวิตในการเดินทางสุดอันตรายข้ามพรมแดนสู่นครซานซี เมื่อเหลือตัวคนเดียวและไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร ฟ่านจึงเดินทางกลับสู่ตอนเหนือเพื่อไปตายที่บ้านเกิด
ธีโอดอร์ เอช ไวท์ ตีพิมพ์บทความอันเจ็บแสบที่เปิดเผยเรื่องราวความแร้นแค้นลงในนิตยสาร Time ซึ่งทำให้นายพลเจียงไคเช็ค (เฉินเต๋าหมิง) และรัฐบาลชาตินิยมอับอายขายหน้า นายพลสั่งให้กองทัพจีนถอนกำลัง ทิ้งให้กองทัพญี่ปุ่นตกอยู่ในความสับสนงงงวย แล้วกองทัพญี่ปุ่นก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือการให้อาหารแก่ประชาชนผู้หิวโหย
ปูมหลังประวัติศาสตร์
แม้จะมีการสู้รบกันเป็นระยะตั้งแต่ปี 1931 ญี่ปุ่นบุกและผนวกแมนจูเรียเข้าด้วยกัน แต่สงครามจีน-ญี่ปุ่นเปิดฉากอย่างเป็นทางการในปี 1937 กองทัพญี่ปุ่นยึดครองปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และนานกิง หลังจากเสียนครหวูฮานในปี 1938 พรรคชาตินิยมก็เคลื่อนย้ายศูนย์กลางทางการเมือง, เศรษฐกิจ และการทหารสู่เมืองฉงชิ่งในเขตประเทศ
ในปี 1941 หลังการทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ตะวันตกประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับญี่ปุ่น ถัดมาในปี 1942 จีนกลายเป็นแนวหน้าในสงครามโลกครั้งที่สอง บทบาทสำคัญของจีนในการต่อสู้กับญี่ปุ่นคือพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็คได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองทัพพันธมิตรในประเทศจีน
ความอดอยากคือเหตุการณ์อันเลวร้ายในประวัติศาสตร์จีนที่ได้คร่าชีวิตประชาชนกว่าสิบล้านคนในช่วงศตวรรษที่ 20 ในปี 1942 ความอดอยากในมณฑลเหอหนานยิ่งเลวร้าย จากการซ้ำเติมของความละโมบ การคอรัปชั่น และความไร้ประสิทธิภาพของพรรคชาตินิยมที่ตั้งภาษีมหาโหดแลยึดพืชพรรณของประชาชนไปเลี้ยงกองทัพ นอกจากจะทำให้มีคนตายกว่าสามพันชีวิต ความอดอยากครั้งนี้ยังทำให้มีผู้อพยพกว่าสิบล้านคนด้วย
ประวัตินักแสดง
จางกั๋วลี่ รับบท เจ้าสัวฟ่าน
แม้เจ้าสัวฟ่านจะมั่งคั่งด้วยทรัพย์สิน ที่ดิน และบริวาร แต่ภาวะอดอยากก็ทำให้เขาแร้นแค้นและเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังจากที่บ้านของเขาถูกไฟไหม้ด้วยน้ำมือของกลุ่มชาวนาผู้หิวโหย ครอบครัวของเขาก็หนีภัยอดอยากไปโดยเกวียนม้าลาก จางกั๋วลี่กล่าวว่าตัวละครของเขาเป็นบทบาทที่น่าเศร้า “ตอนที่อ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกว่ามันสะเทือนใจมาก เฝิงเสี่ยวกังได้สร้างสรรค์บางอย่างที่เฉพาะตัวและจะทำให้ผู้ชมทั่วไปรู้สึกสะเทือนใจ”
เอเดรียน โบรดี้ รับบท ธีโอดอร์ เอช ไวท์
หลังจากเรียนจบสาขาจีนศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อปี 1938 ธีโอดอร์ก็เดินทางมายังเมืองฉงชิ่งและได้ทำงานเป็นนักข่าวประจำประเทศจีนของนิตยสาร Time เขาเขียนข่าวเกี่ยวกับการคอรัปชั่นและความไร้ประสิทธิภาพของพรรคชาตินิยมที่ปกครองประเทศจีนและทำให้สถานการณ์ความอดอยากยิ่งเลวร้ายลงอีก
จางโหมว รับบท ฉวนจู
ฉวนจูคือชาวไร่ธรรมดาที่ทำงานรับใช้เจ้าสัวฟ่านมานับสิบปี เขารักกับซิงซิง ลูกสาวของฟ่านอย่างลับๆ หลายเดือนผ่านไป ฉวนจูสานไมตรีกับฟ่านกระทั่งสัญญาว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันหลังสงคราม เมื่อซิงซิงถูกขายให้ซ่องโสเภณี ฉวนจูได้รับการปลอบประโลมจากหัวจื่อที่แต่งงานกับเขาเพื่อให้ลูกๆ ของเธอมีพ่อ จางโหมวกล่าวว่า “ผมแสดงเป็นชาวนาชาวจีนในวัยยี่สิบ ที่เติบโตจากเด็กหนุ่มไม่รู้จักคิดเป็นชายหนุ่ม”
ฟิโอน่า หวัง รับบท ซิงซิง
ซิงซิงคือลูกสาวผู้หยิ่งทะนงของเจ้าสัวฟ่าน เธอเป็นเด็กสาวหัวสมัยใหม่ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมเป็นแนวหน้าต่อต้านญี่ปุ่นกับเพื่อนร่วมห้อง เธอนำหนังสือเรียนและลูกแมวติดตัวไปในการเดินทางหนีภาวะอดอยากนี้ด้วย ซึ่งแสดงถึงความรู้ละความไร้เดียงสา แต่แล้วก็เผาหนังสือเรียนเพื่อนำมาผิงไฟและแมวถูกนำมาปรุงเป็นซุป ฟิโอน่า หวัง พูดถึงตัวละครของเธอว่า “ซิงซิงเป็นเด็กสาวที่แข็งแกร่งผู้ไม่เกรงกลัวต่อภยันตรายใดๆ จนสุดท้ายโยนความทะนงตนทิ้ง กระทั่งขายตัวเองเข้าซ่อง”
ซูฟาน รับบท หัวจื่อ
หัวจื่อคือเมียของลูกบ้านคนหนึ่งของเจ้าสัวฟ่าน เธอนัดพบกับลูกชายเจ้าสัวฟ่านอยู่บ่อยครั้งเพื่อแลกกับเมล็ดข้าวฟ่าง ครอบครัวของเธอ ซึ่งประกอบด้วยลูกชายแบเบาะและลูกสาว หนีภัยแร้นแค้นไปกับเจ้าสัวฟ่านโดยหอบชุดแต่งงานสีแดงไปด้วยเพื่อนำโชคในการเดินทาง จากการโดนดูถูกดูแคลน ไม่นานเธอก็ขายบริการทางเพศให้ฉวนจูเพื่อแลกกับขนมปังกรอบ ซูฟ่านพูดถึงตัวละครของเธอว่าเป็น “แม่ผู้เข้มแข็งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก”
จางฮานหยู รับบท อันซีมาน
อันซีมานคือนักเทศน์ในศาสนาคริสต์ที่ศรัทธาในพระเจ้าอย่างแรงกล้า เขาเชื่อว่าพระเจ้าจะปกป้องผู้ที่เชื่อมั่น จึงสวดมนต์อ้อนวอนขณะที่ญี่ปุ่นทิ้งระเบิดลงรอบตัวเขา แต่กลับกลายเป็นเจ้าสัวฟ่านที่ช่วยเขาจากระเบิด ไม่ใช่พระเจ้า เมื่อได้เห็นคนตายจำนวนมาก ศรัทธาของซีมานก็ถูกทดสอบ เขาไปพบบาทหลวงโธมัส เมแกน เพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งบาทหลวงโทษว่าเป็นเพราะปีศาจ สุดท้ายซ๊มานก็เสียสติไปเอได้รู้ว่าเขาเองก็หาประโยชน์จากความอดอยากครั้งนี้เช่นเดียวกับพ่อค้าทาสและนักเก็งกำไรคนอื่นๆ
ทิม รอบบินส์ รับบท บาทหลวงโธมัส เมแกน
บาทหลวงคาธอลิกที่มีโบสถ์เป็นของตนเองนอกเมืองลั่วหยาง เขาเป็นนักบวชที่เคร่งปฏิบัติและใจแคบกว่าอันซีมาน เขาโทษว่าที่พระเจ้าอ่อนแอเป็นเพราะปีศาจ เขาให้อาหารแก่ผู้อพยพโดยและกับการฝังศพเพื่อลดโรคระบาดหลังฤดูหนาว เขาปฏิเสธที่จะเลี้ยงเด็กทารกที่มีคนนำไปมอบให้ที่โบสถ์เพราะไม่ต้องการให้เป็นแบบอย่าง ทิม รอบบินส์ กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนที่พูดถึงภาวะอดอยากในหลายแง่มุม และได้แสดงด้านที่สวยงามของมนุษยชาติ
เฉินเต๋าหมิง รับบท นายพลเจียงไคเช็ค
หลังจากเสียกรุงปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และนานกิงให้แก่ญี่ปุ่นในช่วงต้นสงครามจีน-ญี่ปุ่น นายพลเจียงไคเช็คก็ถอยร่นไปยังเมืองฉงชิ่งและยื้อสงครามเพื่อให้ชาติตะวันตกเข้ามาร่วมด้วย หลังการทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์และอเมริกาประกาศสงครามกับญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ นายพลเจียงไคเช็คก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพฝ่ายพันธมิตรในประเทศจีน ขณะที่เขากำลังแสดงบทบาทให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก โดยวางแผนจะไปเยี่ยมมหาตมะคานธีนิอินเดีย ประชาชนของเขากำลังจะอดตายและพรรคของเขาก็ไม่อาจหามาตรการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ