เรื่องย่อ 71-Into The Fire (2010) สมรภูมิไฟล้างแผ่นดิน
เรื่องราวของสงครามใหญ่ๆ ที่มีการถ่ายทอดกันมานั้น อาจเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลมของคนระดับแม่ทัพขุนพลหรือผู้บัญชาการ เรื่องความกล้าหาญของบุคคลประเภททหารเอกในการรบ หรือความเก่งกล้าสามารถความแพ้ชนะของกองทัพในภาพรวม แต่มีอยู่บ้างเหมือนกันที่คนกลุ่มเล็กๆ ที่อาจดูเหมือนไม่มีความเก่งกล้าหรือความสำคัญใดๆ จะเป็นผู้สร้างวีรกรรมขึ้นมาบ้างจนถึงขั้นพลิกผลของการรบใหญ่ๆ ได้ ในบทความนี้ เราจะมาคุยกันถึงภาพยนตร์ประวัติศาสตร์
ของเกาหลีอีกเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราววีรกรรมของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่อาสาเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี และสร้างวีรกรรมไว้อย่างน่าทึ่ง ในภาพยนตร์ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “71: Into the Fire” หรือที่มีผู้ตั้งชื่อภาษาไทยว่า “สมรภูมิไฟล้างแผ่นดิน” ออกฉายเมื่อปี 2010/พ.ศ.2553 นี้เองครับ เรื่องราวของพวกเขาที่ถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มนี้จะสมจริงหรือเกินจริงขนาดไหน มาดูกันในรายละเอียดครับ
ภาพยนตร์เปิดฉากด้วยบทบรรยายเหตุการณ์ความเป็นมาของเรื่องประมาณว่า ในวันที่ 15 ส.ค. 1945/พ.ศ.2488 ดินแดนเกาหลีได้รับการปลดปล่อย (หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงญี่ปุ่นจังนะ) โดยถูกแบ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ เกาหลีใต้ภายใต้สหรัฐฯ เกาหลีเหนือภายใต้โซเวียต (พูดยังกะว่าพื้นดินของ 2 เกาหลีมันไปอยู่ข้างใต้พื้นดินของ 2 มหาอำนาจนี้ ที่จริงคงหมายถึงการเป็นประเทศบริวารของเขาน่ะครับ) และแล้วในวันที่ 25 มิ.ย.1950/พ.ศ.2493 เกาหลีเหนือโจมตีเกาหลีใต้แบบ
สายฟ้าแลบ สามารถยึดกรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลีใต้ได้ใน 3 วัน และยึดเมืองอื่นๆ ที่เหลือได้เกือบหมดภายใน 40 วัน ยกเว้นพื้นที่ทางใต้ของแม่น้ำนักดง นักศึกษาเข้าร่วมเป็นทหารอาสาของกองทัพเกาหลีใต้ บรรยายจบตรงนี้ก็โดดมาที่ฉากการรบอันดุเดือดที่เมืองยังด๊ก (Yongdok) ในวันที่ 8 สิงหาคม 1950 ที่ซึ่งพ่อหนุ่ม T.O.P Big Bang ในบทนักศึกษาอาสานาม Oh Jung-Bum เข้าร่วมรบกับกองพลที่ 3 ของกองทัพเกาหลีใต้ (ROK 3rd Division) ท่ามกลาง
สถานการณ์ที่เลวร้ายของฝ่ายตน เริ่มจากการประคองเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถทหาร เสร็จแล้วก็ได้รับมอบหมายจากร้อยเอก Kang Suk-Dae (ในตอนต่อไปจะขอเรียกตัวละครนี้ตามบทภาษาไทยว่า “ผู้กองกัง” ครับ) ให้นำกระสุนปืนกลไปส่งที่รังปืนกลบนตึกหลังหนึ่ง กว่าจะถ่อสังขารฝ่ากระสุนและระเบิดขึ้นไปได้ต้องได้รับบาดเจ็บที่แก้วหู ส่งกระสุนเสร็จลงมาจากตึกได้ไม่ทันไรรังปืนกลที่ว่าก็ถูกข้าศึกยิงระเบิดทำลายไปต่อหน้าต่อตา พอเดินตามผู้หมวดคิมลูกน้องคนหนึ่ง
ของผู้กองกังไปรบต่อได้สักพัก ผู้หมวดคิมก็ถูกทหารข้าศึกแทงด้วยดาบปลายปืนโดยที่จุงบุมพยายามจะช่วยเหลือแต่ปืนเขากระสุนหมดพอดี จะบรรจุยิงใหม่ก็เกิดมือสั่นไม่ทราบว่าเพราะความตื่นกลัวหรือเพราะกำลังบาดเจ็บอยู่ด้วย ทหารอีกคนหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าจึงยิงทหารเกาหลีเหนือคนนั้นได้ แต่ถึงเวลานั้นผู้หมวดก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว จุงบุมจึงต้องรับหน้าที่นำร่างของผู้หมวดกลับมาฝ่าายตน ผมเสียเวลาเล่าตรงนี้มากนิดเพื่อให้เห็นว่าพระเอกของเราต้องเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน
ระหว่างนั้น ท่านผู้บัญชาการกองพลที่ 3 ได้สั่งให้ทหารถอนกำลังออกจากยังด๊ก แต่ผู้กองกังยังไม่ยอมโดยเห็นว่าตนยังพอจะสามารถยันข้าศึกต่อไปได้ ขณะนั้น ทหารเกาหลีเหนือหน่วยสำคัญที่จะมีบทบาทต่อไปได้เดินทางมาถึง ซึ่งในหนังเรียกหน่วยนี้ว่า “หน่วย 766” หรือในชื่อเต็มๆ ในภาษาอังกฤษที่ผมค้นคว้าเพิ่มเติมคือ 766th Independent Infantry Regiment เรียกเป็นภาษาไทยคงประมาณว่า กรมทหารราบอิสระที่ 766 แต่ในหนังมีรถถังอยู่ในหน่วยด้วย กรมนี้
บังคับบัญชาโดย Park Mu-Rang ซึ่งในเรื่องไม่ได้ระบุว่ายศอะไร ตามปกติผู้บัญชาการหน่วยระดับนี้น่าจะเป็นพันเอก ต่อไปจะขอเรียกผบ.คนนี้ว่า “สหายพาร์ค” ก็แล้วกันครับ ส่วนผู้บัญชาการตัวจริงของกรมนี้จะได้คุยกันตอนท้ายๆ เกริ่นซะยาว รวมความว่ากรม 766 ที่พึ่งมาถึงนี้ทำให้ผู้กองกังกับพรรคพวกไม่สามารถที่จะยันข้าศึกต่อไปนี้ จำเป็นต้องเผ่นขึ้นรถหนีกันไปหมด รวมทั้งจุงบุมพระเอกของเราด้วยครับ จากนั้น กรม 766 ได้รับคำสั่งจาก “พรรค” ให้ไปสมทบกับหน่วยอื่นๆ ที่แม่น้ำนักดง แต่สหายปาร์คที่ถือว่าตนอยู่ในบังคับบัญชาของผู้บัญชาการสูงสุด(นายพลคิม อิลซุง) จึงได้ตัดสินใจเองว่าจะเคลื่อนพลไปยัง “โพฮาง” เพื่อตีตลบหลังทัพเกาหลีใต้และยึดพูซานให้ได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม